ที่ปรึกษาฯระบุ นักลงทุนสถาบันมีความต้องการหุ้น SYNNEX เกิน 2 เท่า

          นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร ผู้บังคับบัญชาสายงานบริการด้านวาณิชธนกิจ บล.พัฒนสิน (CNS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบมจ. ซินเน็ค(ประเทศไทย) หรือ SYNNEX เปิดเผยว่า ขณะนี้ความต้องการหุ้น IPO จากนักลงทุนสถาบันมีอยู่เกิน 2 เท่าจากจำนวนที่บริษัทจัดสรรไว้  54-72 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 30-40% แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนี้มีศักยภาพเติบโต และเชื่อว่าหลังเข้าเทรดก็จะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่ม
          "เชื่อว่าหุ้น SYNNEX จะยืนเหนือราคาจองได้อย่างแน่นอน เพราะมีดีมานด์สูง และราคา IPO ก็ไม่แพง ภายใต้ธุรกิจและความต้องการสินค้ามีอยู่มาก"นายนิมิตร กล่าว 
          SYNNEX ได้กำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 2.90 บาทต่อหุ้น จากช่วงราคา 2.90-3.30 บาทต่อหุ้น โดยระดับราคาขายนี้ มีค่าพีอี เรโช ประมาณ 9 เท่า ในขณะที่พีอีเรโชของตลาดอยู่ที่ระดับ 15 เท่า เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อ 4-6 มิ.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 16 มิ.ย.51 ในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  
          ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SYNNEX เชื่อว่า ระดับราคา IPO ที่ 2.90 บาทต่อหุ้น ถือว่าไม่แพง ขณะที่ธุรกิจบริษัทมีการอัตราเติบโตทุกปี ซึ่งในปีนี้คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน 1.8 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะออกสินค้าใหม่ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ในไตรมาส 4/51 ซึ่งยังเป็นสินค้าที่ขายดีแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่อุตสาหกรรมไอทีไม่ติดลบ 
          "SYNNEX เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและโดดเด่นมาก ผลการดำเนินงานขยายตัวต่อเนื่องทุกปี ทำให้เชื่อมั่นว่าเมื่อเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้รับการตอบรับที่ดีทั้งราคาขาย IPO ก็มีส่วนลดให้ถึง 20-30% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจจัยเสริมดึงดูดผู้ลงทุนได้"นายสุพันธุ์ กล่าว 
          ทั้งนี้ คาดว่าการระดมทุนครั้งนี้ได้เงินจำนวนกว่า 500 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช่เป็นทุนหมุนเวียนและขยายช่องทางจำหน่ายในช่องทาง"SYNNEX SHOP"  
          บมจ.ที.เค.เอส เทค โนโลยี(TKS) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ SYNNEX และได้จัดสรรหุ้น IPO ให้กับผู้ถือหุ้น TKS จำนวน 57 ล้านหุ้นจากทั้งหมดที่เสนอขาย IPO จำนวน  180 ล้านหุ้น
          สำหรับการดำเนินธุรกิจวานิชธนกิจของบล.พัฒนสิน นายนิมิตร กล่าวว่า ในปีนี้มีดีล IPO จำนวน 5 บริษัท (รวม SYNNEX)โดยล่าสุดมี 1 บริษัทที่เป็นธรุกิจประกันชีวิตได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว และที่เหลืออีก  3 บริษัทนั้นจะเร่งยื่นไฟลิ่งและเข้าเทรดให้ทันในปีนี้ ซึ่งอยู่ในธุรกิจพลังงานทดแทน, เครื่องประดับ และ ธุรกิจโลหะ ทำให้รายได้จากธุรกิจวาณิชนธนกิจปีนี้มากกว่าปีก่อนที่มีดีล IPO เพียง 1 บริษัท (บมจ.ไทยเอ็นทีดี)