นายประพจน์ พลพิพัฒน์พงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท(ประเทศไทย)หรือ SPPT คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นปี 51 อาจปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 13-15% จากเป้าหมายเดิมที่บริษัทตั้งไว้ที่ระดับ 17-18% เนื่องจาก บริษัทได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากค่าจ้างแรงงานและปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า
นายประพจน์ กล่าวว่า เมื่อต้นปีบริษัทประเมินค่าเงินบาทไว้ที่ 33 บาท/ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าบริษัทจะขอปรับขึ้นราคาฮาร์ดิสก์ไดรฟ์(HDD)ที่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัทมยังเชื่อว่าภาพรวมในปีนี้กำไรสุทธิยังน่าจะออกมาดีขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้กระจายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ หรือ Non HDD ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 20% มากกว่า HDD ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 10%
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับตัวโดยหันมาขยายฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยได้ขยายพื้นที่โรงงานที่จ.สิงห์บุรี จากเดิมมีโรงงานที่จ.อยุธยา เพื่อการกระจายธุรกิจมากขึ้น จากเดิมเป็นอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียว ได้เพิ่มธุรกิจทั้งการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน และ ผลิตสินค้าชิ้นส่วนทางการแพทย์ ทำให้บริษัทกระจายความเสี่ยงและเพิ่มรายได้มากขึ้น
และระหว่างนี้บริษัทเจรจาขายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน กับลูกค้า 2 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ราคาเครื่องอยู่ที่ราคา 65 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนปรับปรุงโรงงาน 2 แห่ง จะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 40 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง จากครึ่งแรกของปีได้ลงทุนไปแล้ว 114.9 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรและปรับปรุงระบบ รองรับการขยายตัวของธุรกิจ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--