ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ายังปรับฐานต่อ จับตาการเมืองในประเทศ-ประเด็นค่าการกลั่น

          นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้น่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อเพราะตลาดต่างประเทศนิ่ง ดาวโจนส์ปิดทำการคงไม่ได้มีอิทธิพลอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของประเด็นการเมืองที่โฟกัสไปที่การชุมนุม อีกประเด็นเรื่องของค่าการกลั่นของกลุ่มโรงกลั่น เป็น 2 ปัจจัยหลักที่เข้ามา           
          อย่างไรก็ตาม เมื่อวานตลาดน่าจะถูก panic ลงไปมากพอสมควรแล้ว วันนี้คงอยู่ในช่วงการปรับฐาน กรอบการเคลื่อนไหวไม่กว้างมองแนวรับ 850 จุด แนวต้าน 865 จุด ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาวดัชนีลงมาใกล้ 850 จุดเป็นจังหวะทยอยเข้าซื้อ 
         ส่วนการเก็งกำไรช่วงนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแนะ wait and see ดีกว่า ขณะที่ปัจจัยการเมืองจะต้องตามต่อว่าจะเป็นอย่างไร ตลาดเอเชียเช้านี้ไม่มีอะไรตื่นเต้น ญี่ปุ่นบวกขึ้นมา 0.8% ที่เหลือไม่เกิน 0.5% 
          ทั้งนี้ วันนี้จะมีหุ้นน้องใหม่ บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เข้าเทรดวันแรก ที่ราคาไอพีโอ 3.10 บาท
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นสหรัฐ และ ตลาดน้ำมัน NYMEX ปิดทำการเมื่อวันจันทร์ (26 พ.ค.) เนื่องในวัน Memorial Day                  
          - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 789.75 ล้านบาทเมื่อวานนี้
          - สบน.เผยฟิทช์ยืนเครดิตประเทศไทย BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพ เหตุฐานการเงินต่างประเทศและการคลังปรับตัวดีขึ้น การฟื้นตัวของระบบประชาธิปไตย ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล หนี้ประเทศต่อจีดีพีลดลง
          - หนี้สาธารณะเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 3.32 หมื่นล้านบาท เป็น 3.37ล้านล้านบาท หรือ 36.85% ของจีดีพี สาเหตุหลักจากรัฐบาลกู้เพิ่ม โดยออกพันธบัตร และตั๋วเงินชดเชยงบประมาณขาดดุล 
          - สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 51 ไว้ที่ 4.5-5.5% แม้ไตรมาส 1 จะโตได้ 6% ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อขึ้นมาสูงถึง 5.3-5.8% จากปัจจัยเรื่องน้ำมัน
          - กระทรวงพลังงาน ขอให้กลุ่มโรงกลั่นลดค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลลงไม่เกิน 1 บาท/ลิตร เพื่อช่วยราคาขายปลีกในประเทศ โดยขอให้ฝ่ายเอกชนเสนอแผนงานเข้ามาภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งกรณีดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯในกลุ่มโรงกลั่นประมาณ 10% โดยคิดจากสมมติฐานกรณีที่เลวร้ายสุดให้ช่วยที่ระดับ 1 บาท/ลิตร 
          - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นไปสูงกว่าระดับล่าสุดในเดือน เม.ย.ที่ 6.2% ซึ่งจะทำให้ทั้งปีมีโอกาสปรับขึ้นไปสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่เดิมในระดับ 5.0-5.8%
          - กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคาดว่าจะสามารถรวบรวมรายชื่อประชาชนได้ครบ 2 หมื่นรายชื่อภายในสัปดาห์นี้จากที่รวบรวมได้แล้วครึ่งหนึ่ง เพื่อประกอบคำร้องขอให้ประธานวุฒิสภานำเข้าสู่กระบวนการถอดถอน ส.ส.และส.ว.ที่ยื่นญัตติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้เข้าแสดงเจตนารมณ์ไว้แล้วในวันนี้ พร้อมประกาศชุมนุมยืดเยื้อ
          - ที่ประชุมรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ เห็นชอบในเบื้องต้นมาตรการลดผลกระทบค่าพลังงาน มาตรการเสริมรายได้และเพิ่มค่าครองชีพให้กับประชาชน เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันนี้