ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ และยอดขายบ้านใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งดึงดูดนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นในระดับปานกลาง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 68.72 จุด หรือ 0.55% แตะระดับ 12,548.35 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 9.42 จุด หรือ 0.68% แตะระดับ 1,385.35 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 36.57 จุด หรือ 1.50% แตะระดับ 2,481.24 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.12 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.75 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นทันทีหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงหลุดจากระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.3% แตะระดับ 526,000 ยูนิต หลังจากดิ่งลงอย่างหนักถึง 11% ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกในตลาดถูกสกัดลงเมื่อสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวสหรัฐในเดือนพ.ค.ดิ่งลงแตะระดับ 57.2 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี เนื่องจากน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นและราคาบ้านตกต่ำลง นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 60.0 จุด
สตีเฟ่น คาล์ส นักวิเคาะห์จากเดอะ วิลเลียมส์ แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงเกินความคาดหมายและเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดาวโจนส์ดีดขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากตลาดการเงินและตลาดน้ำมันสหรัฐปิดทำการวันจันทร์ที่ 26 พ.ค.เนื่องในวัน Memorial Day อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนส่งผลกดดันตลาดและสกัดกั้นดัชนีดาวโจนส์ให้บวกขึ้นเพียงเล็กน้อย"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับรายงานที่ว่า ดัชนีราคาบ้านใน 22 เขตของ Standard & Poor's/Case Shiller ลดลง 14.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูรายงานการใช้จ่ายส่วนบุคคลประจำเดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะขยายตัว 0.2% เทียบกับเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 0.4%
หุ้นโวดาโฟนร่วงลง 34 เซนต์ ปิดที่ 32.21 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่านายอรุณ สาริน ซีอีซีของโวดาโฟนเตรียมลาออกจากตำแหน่ง
ขณะที่หุ้นแบล็คสโตน กรุ๊ป ดีดขึ้น 37 เซนต์ ปิดที่ 18.91 ดอลลาร์ และหุ้นเช็มทูรา พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่าบริษัทแบล็คสโตน และบริษัทอพอลโล เมเนจเมนท์ กำลังเจรจาเข้าซื้อกิจการเช็มทูรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--