นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เปิดเผยว่า บริษัทจะให้ส่วนลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินในช่วงราคา 13-36 บาท จากช่วงราคาปัจจุบันที่ 15-39 บาท เริ่มต้นตั้งแต่ 3 ก.ค. -31 ธ.ค. 51 และหลังจากนั้นจะใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ตามสัญญาสัมปทานที่ 16-41 บาท
การคิดส่วนลดดังกล่าวแบ่งเป็น บัตโดยสารแบบเติมเงินทั่วไปจะเป็นการลดประมาณ 14% บัตรโดยสารสำหรับนักเรียน นักศึกษาลด 24% และบัตรสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ลด 50%
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชนในเรื่องค่าโดยสาร และเป็นการให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าส่วนลดดังกล่าวมีความเหมาะสม และน่าจะส่งผลดีต่อบริษัทที่จะทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มตามเป้าหมายที่วางไว้ที่คาดว่าจะโตไม่น้อยกว่า 4% จากปีก่อนที่มีจำนวน 1.65 แสนคน/วัน โดยบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 10% และขาดทุนสุทธิที่จะลดลง 10% เช่นเดียวกัน
"ไตรมาส 1 รายได้โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% ขณะที่ไตรมาส 2 แนวโน้มโต 10% เช่นเดียวกัน ทำให้เรายังคงเป้าหมายอัตราการเติบโต และเชื่อว่าการที่จะมีผู้โดยสาร 2 แสนคน/วัน ในช่วงวันทำการ เป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้ แม้จะมีการปรับลดราคาค่าโดยสารแต่เป็นการคิดจากฐานราคาใหม่ และการที่เราพยายามรักษาค่าใช้จ่ายคงที่ก็น่าจะทำให้เป็นไปตามเป้าหมาย" นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปริมาณผู้โดยสาร วันจันทร์-ศุกร์ เพิ่มเป็น 1.9 แสนคน/วัน และ 1.4 แสนคน/วันในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่เป้าหมายปีนี้ตั้งเป้าไว้ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน/วัน ในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่น้อยกว่า 1.5 แสนคน/วัน โดยเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังน่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าหลายแห่งที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง แต่การที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นไม่ได้มีผลต่อการขึ้นรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน
ส่วนการเข้าประมูลเดินรถรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเป็ฯส่วนต่อขยายจากรถไฟฟ้าใต้ดินในปัจจุบันนั้น นายสมบัติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอความชัดเจนของรูปแบบสัมปทานเดินรถ ซึ่งบริษัทเองก็มีความพร้อมและมีความเหมาะสมที่มีประสบการณ์ในการดำเนินการรถไฟฟ้ามาก่อน ส่วนจะได้งานหรือไม่ปล่อยไปตามกลไกการประมูล
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมูลให้ล่าช้าออกไป เนื่องจากกระบวนการดำเนินการตามขั้นตอนและโครงการนี้ทาง ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ (เจบิค) เป็นผู้ควบคุมในฐานะเป็นผู้ปล่อยกู้ และหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็ยังเชื่อว่าผู้มาเป็นรัฐบาลก็คงจะสานต่อโครงการรถไฟฟ้า เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--