นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และในฐานะเป็นที่ปรึกษา บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี (TCCC) ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตปุ๋ย เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/51 คาดว่าจะมีการเติบโตไม่ได้ดีเท่าไตรมาส 1/51 เพราะสต็อกวัตถุดิบที่มีต้นทุนเก่าหมดไปแล้ว และต้องนำเข้าวัตถุดิบที่มีต้นทุนสูงขึ้นมากมาใช้แทน ขณะที่ราคาจำหน่ายยังไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นราคา
"ไตรมาสแรกเรายังได้ปุ๋ยวัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตปุ๋ยเคมีในราคาเก่าของปีที่แล้ว ช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ราคาปุ๋ยได้ปรับขึ้นไป บริษัทฯก็ได้กำไรจากส่วนต่าง แต่งวดไตรมาส 2 ปุ๋ยที่เป็นวัตถุดิบเราต้องนำเข้ามาในราคาที่สูงขึ้นเพราะราคาในเดือนมี.ค.-เม.ย.ได้ปรับขึ้นไปมาก ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะได้ส่วนต่างกำไรสูงเหมือนอย่างไตรมาสแรกอีกแล้ว"นายเปล่งศักดิ์ กล่าว
"ราคาปุ๋ยได้ปรับขึ้นไปเยอะ เราสามารถมีกำไร 5% กว่าในทุกวันนี้ ก็น่าจะพอใจแล้ว
TCCC มีกำลังการผลิตปุ๋ยเคมีราว 1.2 ล้านตัน/ปี และปีนี้บริษัทยังคงปริมาณการผลิตไว้ในระดับนี้ เนื่องจากวัตถุดิบหายากและมีราคาแพง โดยบริษัทฯมีการนำเข้าปุ๋ยที่ใช้เป็นวัตถุดิบประมาณ 8-9 แสนตัน/ปี ส่วนใหญ่เป็นปุ๋ยยูเรีย ซึ่งเป็นปุ๋ยเชิงเดี่ยว(ปุ๋ยแม่) ราคาปรับขึ้นไปสูงมาก แต่บริษัทก็จำเป็นต้องนำเข้ามาสต็อคไว้ เพราะมีความต้องการใช้ผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงไม่สามารถสต็อกไว้ได้นานมาก
"การสั่งซื้อปุ๋ยวัตถุดิบนำเข้ามาแม้ว่าเราจะมีการวางแผนกันทั้งปี หรืออย่างน้อยก็ต้องมีแผนนำเข้าวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า 2-3 เดือน แต่การ code ราคาจะคิดเมื่อ shipment แล้ว ถ้าของขึ้นเราก็ต้องจ่ายสูง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"ที่ปรึกษา TCCC กล่าว
ที่ปรึกษา TCCC กล่าวอีกว่า ขณะที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นไปมากแล้ว แต่ราคาจำหน่ายในประเทศไม่สามารถปรับตามได้ทัน โดยเฉพาะล่าสุดที่บริษัทขอปรับราคาปุ๋ยไปทั้งหมด 22 รายการ ประมาณ 7,411-23,993 บาท/ตัน หรือ เพิ่มขึ้น 56-256% ตามต้นทุน ยังรอการพิจารณาอนุมัติจากการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับอนุมัติเมื่อใด
"ทุกวันนี้ราคาขายปุ๋ยได้ปรับขึ้นไป 1 เท่าครึ่ง ถึง 2 เท่าครึ่ง แต่ราคาวัตถุดิบได้ขึ้นไปถึง 4-5 เท่า ปุ๋ยมีตั้งพันกว่าสูตร การขอขึ้นราคาของไทยเซ็นทรัลฯแค่ 22 รายการ เป็นปุ๋ยสูตรหลัก ๆ ทั้งนั้น ไทยเซ็นทรัลฯเป็นโรงงานผู้ผลิตปุ๋ยในประเทศ เราต้องป้องกันการขาดแคลน ถ้าไทยขาดปุ๋ยจะยิ่งแย่ ราคาปุ๋ยก็จะยิ่งขึ้นไปอีก เรายืนยันได้เลยว่าไทยเซ็นทรัลฯไม่เคยกักตุนสินค้าเลย และไม่ต้องกลัวว่าผู้ผลิตเราจะเอาเปรียบเกษตรกร เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้มอนิเตอร์ตลอดเวลา เขาเปิดทางให้เรามีกำไรแค่ 2-3% เท่านั้น"นายเปล่งศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีคนงานกว่า 800 คน ต้องมีการวางแผนการผลิต แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบที่นำเข้ามาจะแพงเท่าไรก็ต้องพยายามสู้เพื่อผลิตปุ๋ยมาให้เกษตรกรในประเทศใช้ให้ได้ แม้ว่าทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการคุมเข้มทุกขั้นตอน
นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า ยอดการใช้ปุ๋ยในประเทศปี 51 คาดว่าจะประมาณ 4 ล้านตัน/ปี ขณะที่ภาครัฐมองว่าจะมียอดการใช้ปุ๋ยประมาณ 4.5 ล้านตัน/ปี จากในปี 50 ยอดใช้ปุ๋ยอยู่ที่ 4.36 ล้านตัน/ปี สาเหตุที่มองว่ายอดใช้ปุ๋ยปีนี้น่าจะน้อยลง เป็นเพราะราคาปุ๋ยที่พุ่งขึ้นสูงมาก เกษตรกรคงจะลดปริมาณการใช้ลง
"ปุ๋ยทุกวันนี้ราคาแพงยิ่งกว่าน้ำมันซะอีก เพราะจริง ๆ ปุ๋ยสำคัญต่อประเทศชาติ เป็นตัวที่จะนำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตของชาติ ถ้ารัฐมนตรีเศรษฐกิจมองตรงนี้และทำความเข้าใจ ก็จะรู้ว่าควรจะทำยังไง เราอยู่ตรงนี้เราพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่สังคมยังเห็นว่าเราเอาเปรียบ ที่จริงยังมียี่ปั้ว ซาปั้ว อีกหลายราย ก็อาจจะมีบางรายที่ตักตวงเอาประโยชน์ เชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์มองด้วยความเข้าอกเข้าใจ ส่วนให้ผู้ผลิตอย่างเราไปควบคุมยี่ปั้ว ซาปั้ว เราทำไม่ได้ ไม่มีกำลังเพียงพอ"นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าว
ราคาหุ้น TCCC ปิดเช้านี้ที่ 13.30 บาท ลดลง 0.10 บาท(-0.75%)มูลค่าซื้อขาย 0.668 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 13.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 13 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--