ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) โดยตลาดปิดบวกติดต่อกัน 3 วัน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์ หลุดจากระดับ 127 ดอลลาร์/บาร์เรล และหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกที่ขยายตัวเร็วเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 52.19 จุด หรือ 0.41% แตะระดับ 12,646.22 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.42 จุด หรือ 0.53% แตะระดับ 1,398.26 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 21.62 จุด หรือ 0.87% แตะระดับ 2,508.32 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.81 พันล้านหุ้น แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากวันพุธ มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
นายสก็อต เวร็น นักวิเคราะห์จากวาโชเวีย ซิเคียวริตีส์ ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "ดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกัน 3 วัน ขานรับราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลง 4.41 ดอลลาร์ แตะระดับ 126.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา อันเป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่ร่วงลงช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังขานรับตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐที่ขายตัวเกินคาด"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า จีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวในอัตรา 0.9% สูงกว่าที่กระทรวงคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.6% และสูงกว่าไตรมาส 4 ปี 2550 ที่ขยายตัวเพียง 0.6%
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่า จีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 0.9%ต่อปี เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนที่แล้วที่ 0.6% เนื่องจากยอดส่งออกพุ่งสูงขึ้น
โจชัว ชาพิโร หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทมาเรีย ฟิออรินี รามิเรซ ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญปัญหาอีกมากมาย แต่ปัจจัยที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้มีอยู่อย่างเดียวคือการส่งออก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรและตัวเลขการผลิตที่ลดลง สะท้อนให้เห็นว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นยังมีอยู่มาก"
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกได้แก่ข่าวที่ว่า บริษัทมาสเตอร์การ์ด อิงค์ เปิดเผยว่ายอดลูกค้าบัตรเครดิตของมาสเตอร์การ์ดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้สุทธิของบริษัทขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 7.7%
ขณะที่หุ้นเดลล์ อิงค์ ดีดขึ้นกว่า 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล รูดลง 1.2% และหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--