ผู้บริหารของบมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น (DISTAR) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า โดยคาดว่าผลประกอบการปี 51 จะพลิกมามีกำไร เทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 84.85 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทเน้นการเปิดตลาดรถบัสที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้ยอดขายรถในช่วงไตรมาส 2/51 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 ส่วนมาร์จิน ณ ขณะนี้ยังไม่เน้นมากนัก
"ในช่วงไตรมาส 2-3-4 ปีนี้บริษัทฯน่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และปีนี้มีโอกาสที่จะพลิกมาเป็นผลกำไรได้ โดย ณ ขณะนี้ยังไม่เน้นเรื่องมาร์จินมาก แต่เน้นการเปิดตลาดมากกว่า ซึ่งไตรมาส 2/51 ยอดขายรถดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/51 และก็ไม่แน่ปีหน้า(2552)หรือปีถัดไปอาจจะได้เห็นการปันผลครั้งใหญ่ก็ได้ ซึ่งบริษัทฯไม่ได้จ่ายปันผลมาหลายปีแล้ว"แหล่งข่าวจากผู้บริหาร DISTAR กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯมียอดขายรถประมาณ 100 กว่าคันแล้วภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งตอนนี้รถบัส King Long รุ่น KLQ 6608C ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติ(CNG) เป็นเชื้อเพลิง ราคาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ผู้บริหาร DISTAR คาดว่า บริษัทฯจะสามารถย้ายหุ้น DISTAR เข้าไปเทรดในหมวดยานยต์ได้ราวปลายปีนี้(2551) หรืออย่างช้าต้นปีหน้า(2552) เนื่องจากเป็นช่วงที่ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าจะยุติลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะทำให้บริษัทเน้นธุรกิจยานยนต์เพียงอย่างเดียว หลังจากที่ได้เริ่มต้นเมื่อปี 50 และกำลังเข้าสู่ช่วงการขยายธรกิจในปีนี้
"ปีที่แล้วกับปีนี้ยังมีความคาบเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ากับยานยนต์ก็ทำให้ยังไม่ได้มีการย้ายเข้าไปอยู่ในหมวดยานยนต์ เนื่องจากรายได้หลักของปีที่แล้วยังเป็นของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ แต่ถ้าปีนี้(2551)ทั้งปีไปจนถึงปีหน้า(2552)ปิดงบฯก็น่าจะได้ย้ายเข้าไปอยู่หมวดยานยนต์ได้เลย คาดว่าจะน่าจะไปอยู่ในหมวดยานยนต์ได้ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าจะหมดไปโดยสิ้นเชิง แล้วบริษัทฯก็มาทำธุรกิจยายนยนต์อย่างเดียวเลย"ผู้บริหาร DISTAR กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--