นายวีระพล โชควิทยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้(LALIN)กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับขึ้นราคาขายบ้านประมาณ 2-5% ในเดือน ก.ค.51 ตามทิศทางต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นจากผลกระทบราคาน้ำมันที่มีต่อราคาเหล็กเส้น ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน แม้ว่าบริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนส่วนหนึ่งได้ประมาณ 7-10% จากการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างคราวละมาก ๆ และควบคุมระยะเวลาก่อสร้างให้สั้นลงด้วยการจัดวางโซนการทำงาน แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดต้นทุนได้
นายวีระพล กล่าวว่า การที่สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ผันผวนจากราคาน้ำมัน ผู้ประกอบการที่สามารถเจาะตลาดได้ถูกกลุ่มก็จะอยู่รอดได้ การที่บริษัทมีบ้านขนาดกลาง-ใหญ่ที่ระดับราคา 3.0-4.5 ล้านบาท ภายใต้พื้นที่ใช้สอยที่ประมาณ 180-240 ตารางเมตร เป็นตลาดที่ยังมีความต้องการอยู่สูงมาก โดยเฉพาะคนเริ่มวัยทำงาน รวมทั้งการใช้ระยะเวลาในการพัฒนา-ขายประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง
"เรามีสต็อคบ้านประมาณ 10 ยูนิตที่ยังขายราคาเดิมและน่าจะขายได้หมดเร็ว ๆ นี้ เพราะตอนนี้ลูกค้าเริ่มเข้ามาซื้อบ้านมากขึ้นเพราะคนเริ่มมองว่าราคาบ้านโดยรวมจะต้องปรับเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ประมาณ 2-5 แสนบาทแน่ ๆ จากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นและไม่สามารถแบกรับได้ ซึ่งจริง ๆ ผู้ประกอบการก็ไม่อยากที่จะปรับราคาขายหรอก"นายวีระพล กล่าว
ในปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการละ 500 กว่าล้านบาท รวมทุกโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะยังคงเน้นโครงการที่เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด สำหรับโครงการเก่าเหลืออยู่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีคาดว่ายอดรายได้จะอยู่ที่ประมาณ 2.3 พันล้านบาท
นายวีระพล คาดว่า ยอดขายในไตรมาส 2/51 จะเติบโตราว 20-30% จากไตรมาส 1/51 ที่มียอดขายเกือบ 500 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้นจากที่มองว่าแนวโน้มราคาบ้านจะปรับเพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทยังคงเน้นตลาดบ้านระดับ 3-6 ล้านบาท เพราะความต้องการยังสูง และได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีอสังหาริมทรัพย์เข้ามา
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--