ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 130 จุดเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง และจากข่าวการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ซึ่งทำให้เกิดความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 134.50 จุด หรือ 1.06% ปิดที่ 12,503.82 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 14.71 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,385.67 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 31.13 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 2,491.53 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.9 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย.ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าปัญหาในตลาดสินเชื่ออาจจะยืดเยื้อยาวนานต่อไปอีก หลังจากมีข่าวว่า นายเคน ธอมสัน ซีอีโอของธนาคารวาโชเวีย คอร์ป ถูกบีบออกจากตำแหน่งในวันจันทร์ และธนาคารวอชิงตัน มิวช่วล กำลังบีบให้นายเคอร์รี คิลลิงตัน ออกจากตำแหน่งประธานธนาคาร ซึ่งนายธอมสันเป็นซีอีโอคนที่ 3 ของสถาบันการเงินรายใหญ่ในสหรัฐที่ถูกบีบออกจากตำแหน่งเนื่องจากปัญหาในตลาดสินเชื่อ
นายเฮนรี พอลสัน กล่าวในระหว่างเดินทางเยือนกลุ่มประเทศอาหรับว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเป็นภาระสำหรับทั้งสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สร้างความกดดันมากที่สุดในภูมิภาค และยังมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศในอ่าวเปอร์เซียและภูมิภาคอื่นๆมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น
หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นเมอร์ริล ลินช์ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P ปรับลดอันดับตราสารหนี้ของทั้ง 3 วาณิชธนกิจเหล่านี้ โดยระบุว่า วาณิชธนกิจทั้ง 3 ยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอหลังจากมีการปรับลดมูลค่าทางบัญชีลงไปแล้วกว่า 3.50 แสนล้านดอลลาร์เนื่องจากการขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม)
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--