ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) โดยตลาดเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในธุรกิจการเงิน ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์และข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวในระดับปานกลาง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 12.37 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 12,390.48 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.45 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,377.20 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 22.66 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 2,503.14 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.21 พันล้านหุ้น
นีล มัสซา นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟซี โกลบอล อินเวสท์เมนท์ ในเมืองบอสตัน กล่าวว่า "ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในธุรกิจการเงินของสหรัฐเกิดขึ้นเมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทประกันหุ้นกู้ 2 แห่ง คือ แอมแบค แอสชัวรันส์ คอร์ป และเอ็มบีไอเอ อินชัวรันส์ คอร์ป
"ข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน และหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดบวก สวนทางกับดัชนีหลักๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบ" มัสซากล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลง 2.01 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 122.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันที่สูงเกินคาด และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 51.7 จุด ในเดือนพ.ค. ซึ่งดัชนีที่เหนือระดับ 50 จุดสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี
ฮิวจ์ เวแลน นักวิเคราะห์จากบริษัทฮาร์ทฟอร์ด อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเปราะบางและอ่อนไหวไปตามทิศทางของราคาน้ำมันและข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบริษัทเอกชน ผมคาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆในสัปดาห์หน้า"
"นักลงทุนทุ่มซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพราะมั่นใจว่าธุรกิจเทคโนโลยีจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในยามนี้ไปได้" เวแลนกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นเอ็มบีไอเอปิดร่วงลง 16% หุ้นแอมแบคดิ่งลง 17% หลังจากมีข่าวว่ามูดีส์กำลังทบทวนอันดับเครดิตของบริษัทประกันหุ้นกู้ทั้ง 2 แห่งซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ AAA โดยมูดีส์ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลดอันดับเครดิตของบริษัททั้ง 2 แห่ง
หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ดีดขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 31.40 ดอลลาร์ หลังจากเลห์แมน บราเธอร์สออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เลห์แมน บราเธอร์ส อาจต้องระดมเงินทุนใหม่อีก 3-4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าตัวเลขขาดทุนในไตรมาสที่ 2 ของเลห์แมน บราเธอร์ อาจเป็นวงเงินสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่
ส่วนหุ้นสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 7.2% จากข่าวที่ว่าทางสายการบินวางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานลง 1,100 อัตราเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--