นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยังเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้าลงทุนขยายธุรกิจในแถบยุโรป แม้ปัญหาการเมืองในประเทศจะมีความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้กระทบทำให้เกิดความกังวลกับการเจรจาครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทเจรจากับพันธมิตรที่เป็นคู่ค้ามานานเป็น 10 ปีแล้ว
"ต้อง WIN-WIN case ทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าเค้าซื้อแพงเกินเค้าก็รู้สึกไม่สบายใจที่ทำไมจะต้องซื้อแพงกว่าปกติ ถ้าเราขายถูกไปก็ไม่อยากจะขาย ก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องไปขายถูกกว่าปกติ ซึ่งก็ต้องอยู่ตรงพื้นฐานที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ด้านพื้นฐานบริษัทเค้าเข้าใจและธุรกิจของเราเค้าก็เข้าใจ เพราะคนที่พูดคุยอยู่ทำธุรกิจกับเรามานานเป็น 10 กว่าปีแล้ว"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง กล่าวว่า พันธมิตรของเราหวังผลทางธุรกิจในระยะยาวมากกว่า โดยประเด็นการเจรจาเรื่องราคาต้องให้มีความเหมาะสมและพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,350 ล้านบาท หรือคาดว่าปีนี้น่าจะใกล้เคียง 1,500 ล้านบาท โดยยอดคำสั่งซื้อยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อของลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ 95% ที่เหลืออีก 5% ขายในประเทศ และบริษัทก็ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด
"สินค้าไม่ได้เน้นไฮเอนอย่างเดียวแต่มีหลากหลายเพราะเวลาขายให้ลูกค้าจะขายเป็นแพ็กเก็จมีทุกอย่าง โดยแบ่งเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่ม (value add) 50% และสินค้าพื้นฐานอีก 50% ออร์เดอร์ยังเข้ามาตลอดเวลาเป็น long term เพราะสินค้าพวกนี้เป็นสินค้าที่ผลิตได้ทั้งปี"นายสว่าง กล่าว
นายสว่าง เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ไว้ที่ 10% หรือสูงกว่า แม้ว่าไตรมาส 1/51 จะยังทำได้ไม่ถึง 10% แต่ก็ใกล้เคียง ซึ่งทั้งปีน่าจะทำได้ตามเป้า โดยปัจจัยที่จะมีผลคืออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากต้นปีที่อยู่ในระดับ 31 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นตามเป้าหมายอยู่ที่ 25% หรือดีกว่า ซึ่งบริษัทยังรักษาระดับนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยจะพิจารณาทั้งแพ็คเก็จ ถ้าเป็นสินค้าพื้นฐานมาร์จิ้นอาจจะต่ำกว่า แต่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม(value added)จะมีมาร์จินสูงกว่า แต่เฉลี่ยก็ยังอยู่ที่ 25%
ในปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มอีกหรือไม่ต้องรอสรุปเรื่องพันธมิตรก่อน โดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มไลน์การผลิตใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 ไปแล้ว ส่งผลให้ปัจุจุบันกำลังการผลิตรวมทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 20 กว่าล้านชิ้นต่อปี เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนที่เป็นสินค้ามูลค่าเพิ่ม แต่ผลประกอบการยังทรงตัว เพราะต้องปรับปรุงสถานที่และนำเครื่องจักรใหม่เข้ามาเติมในสถานที่เดียวกัน จึงต้องมีการปิดชั่วคราวเพื่อนำเครื่องใหม่ให้เข้าที่และปรับปรุง
แต่ครึ่งปีหลังกระบวนการผลิตทั้งหมดจะเดินเครื่องได้เต็มที่ และยิ่งเพิ่มการผลิตสินค้าประเภท value added ซึ่งมีมาร์จินสูงเข้าไปด้วย ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก
"แนวโน้มครึ่งปีหลังทิศทางธุรกิจยังอยู่ใน positive flight เรายังมีความเชื่อมั่นอยู่ว่าทำได้ดีไม่เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไปของโลก หรือไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศที่เกิดขึ้นมา ตามแผนงานเรายังมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำได้อยู่ และถ้าได้พันธมิตรเข้ามาก็จะช่วยเสริม" นายสว่าง กล่าว
TOG ไตรมาส 1/51 มีกำไรสุทธิ 25.56 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.55 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำลังการผลิตตอนนี้ยังเพียงพอกับออเดอร์ ส่วนจะเพิ่มกำลังการผลิตจะต้องมีการเสนอแผนเป็นปี จะไม่มีการเพิ่มกลางครัน เพราะฉะนั้นช่วงนี้คงจะไม่มีแผนอะไร และเมื่อเข้าปลายปีเราก็จะเตรียมแผนงานใหม่สำหรับปีถัดไป
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--