ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งทะยานขึ้นเฉียดระดับ 140 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรก และหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 394.64 จุด หรือ 3.13% แตะระดับ 12,209.81จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 43.37จุด หรือ 3.09% แตะระดับ 1,360.68 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 75.38 จุด หรือ 2.96 % แตะที่ 2,474.56 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.69 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นหลังนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนก.ค. ท่ามกลางภาวะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่เกิดความตึงเครียดระลอกใหม่ขึ้นในตะวันออกกลาง
ราคาน้ำมันดิบที่ทะยานสูงขึ้น ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า ราคาน้ำมันเบนซินจะไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าวัตถุดิบและเชื้อเพลิงต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นผู้บริโภคที่ยังตกงานหรือยังวิตกกังวลต่อตลาดแรงงานในสหรัฐจะยิ่งลังเลใจที่จะจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการใช้จ่ายผู้บริโภคที่หดตัวลง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็น 2 ใน 3 ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ได้เบี่ยงเบนความสนใจของนักลงทุนให้กระหน่ำเทขายหุ้นออกมา เนื่องจากมองว่าตลาดมีความเสี่ยงมากเกินไป
นอกจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นแล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่าอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 5.5% จากระดับ 5.0% ในเดือนเม.ย. ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2529 ขณะที่ตัวเลขจ้างงานร่วงลง 5 เดือนต่อเนื่องที่ 49,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นเมื่อคืนนี้คือราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้นเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงประกอบกับความเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางที่อิสราเอลขู่ว่าจะเปิดฉากโจมตีอิหร่านหากยังไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์
บิลล เน็ปป์ นักวิเคราะห์จากไมล์สเตย์ อินเวสเมนท์ ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของนิวยอร์กไลฟ์ อินเวสเมนท์ เมเนจเม้นท์กล่าวว่า "ผมคิดว่าสิ่งที่นักลงทุนเป็นกังวลมากที่สุดในขณะนี้คือราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะ stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--