ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหนุนดาวโจนส์ปิดดีดขึ้น 70.51 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 10, 2008 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดิ่งลงเกือบ 400 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขขาดทุนของธนาคารพาณิชย์และต้นทุนด้านพลังงานที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในขณะนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 70.51 จุด หรือ 0.58% แตะระดับ 12,280.32 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.08 จุด หรือ 0.08% แตะระดับ 1,361.76 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 15.10 จุด หรือ 0.61% แตะระดับ 2,459.46 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.35 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.13 พันล้านหุ้น
นายโทมัส เจ ลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานว่า ดัชนียอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการ ขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 6.3% แตะระดับ 88.2 จุดในเดือน เม.ย. จากระดับ 83.0 จุด ในเดือนมี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5%"
"แม้ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเริ่มเข้าซื้อ แต่ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องแนวโน้มสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และแม้ว่าราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ แต่การที่ราคาน้ำมันยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 134 ดอลลาร์ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญภาวะ stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น) อยู่อย่างแน่นอน ซึ่งความกังวลเช่นนี้ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นไม่มากนัก" นาย เจ ลีกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของสหรัฐประจำเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.5% จากเดือนเม.ย.ที่ 5.0% ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในรอบ 22 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 5.1% ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพ.ค.ลดลง 49,000 ตำแหน่ง แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 60,000 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทจะระดมทุนเพิ่ม 6 พันล้านดอลลาร์เพื่อพยุงงบดุล หลังจากที่คาดการณ์ว่าอาจจะขาดทุนถึงเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง
ทั้งนี้ หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ ดิ่งลง 6.4% หุ้นธนาคารวาโชเวียร่วงลง 6.2% หุ้นวอชิงตัน มิวช่วล ร่วงลง 17%
ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ ดิ่งลง 2.2% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบ หลังจากบริษัทเปิดเผยเรื่องการปรับลดราคาผลิตภัณฑ์ไอโฟน ขณะที่หุ้นอัลโคซึ่งเป็นบริษัทผลิตอลูมิเนียม ดีดขึ้น 7.5%
หุ้นแมคโดนัลด์ ดีดขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 7.7%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ