SITHAI เปิดธุรกิจ MLM 15 มิ.ย./ล้มแผนเทค รง.ผลิตสินค้า household

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 10, 2008 12:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะเปิดตัวธุรกิจขายตรงในลักษณะ  Multi Level Marketing (MLM) อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิ.ย.ที่สาขาซอยอโศกเป็นแห่งแรก โดยประเด็มมีสินค้า 23 ตัวภายใต้แบรนด์"เอสโมเชอร์"ซึ่งจะเป็นสินค้าในกลุ่มของใช้ส่วนบุคคล คอสเมติกส์ และอาหารเสริม ได้แก่  ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยาทาสีผม ครีมบำรุงผิว เป็นต้น 
"เราทำขายตรงมาแล้ว 35 ปี อย่างล็อคแอนด์ล็อค(Lock and Lock)ก็ปีกว่า ตอนนี้ก็จะเปิดคอสเมติกส์ อาหารเสริม เป็นลักษณะ MLM" นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวว่า บริษัทจะมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจากจุดเริ่มต้นที่มีสินค้า 23 ตัว โดยจะอาศัยความร่วมมือกับสถานศึกษาเพื่อนำงานวิจัยต่าง ๆ มาพัฒนาเป็นตัวสินค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมดเพื่อนำงานวิจัยการผลิตอาหารเสริมจากมังคุดและครีมบำรุงผิวมาผลิตเป็นสินค้าของบริษัท
"โครงการนี้เป็นการเริ่มต้นเป็นโครงการแรกที่หยิบงานวิจัยขึ้นห้าง เนื่องจากมังคุดตอนนี้เฟื่องมากเพราะสหรัฐมาซื้อมังคุดไปทำอาหารเสริมเยอะมากแล้วส่งกลับมาขายในประเทศไทยอีกทีหนึ่ง "
"ยอดขายเบื้องต้นยังไม่กล้าพูด คาดใช้เงินทุนไม่มาก เพราะงานวิจัยเป็นงานของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่แล้ว ส่วนโรงงานเป็นโรงงานต้นแบบในมหาวิทยาลัยมีอยู่แล้วเราก็เอาสินค้ามาปรับเรื่องแพ็คเก็จจิ้งและมาปรับรูปแบบการวางตลาด MLM" นายสนั่น กล่าว
วัตถุประสงค์ของบริษัทจะขยายธุรกิจนี้ไปยังต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศที่ SITHAI มีสาขาอยู่ 91 แห่ง แต่จะดูประเทศที่ใกล้เคียงก่อนเป็นลำดับแรก ๆ เช่น เวียดนาม ที่จะได้เห็นพัฒนาการในเร็วๆนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างร่าง MOU
*ล้มแผนเทคฯโรงงานเครื่องใช้ในครัวเรือนหลังพบไปไม่รอด
นายสนั่น กล่าวถึงแผนงานที่จะเข้าไปซื้อกิจการโรงงานผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนภายในปีนี้ว่า คงต้องพับแผนดังกล่าวไปก่อน เพราะจากการเข้าตรวจสอบเบื้องต้นเห็นว่ากิจการโรงงานดังกล่าว เห็นว่าอาจจะไม่คุ้มค่า จากเบื่องต้นที่เห็นว่าจะสามารถเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการได้
"ตอนแรกคิดว่าจะช่วยเทคโอเวอร์ขึ้นมาแต่ดูแล้วไม่คุ้มและไม่ค่อยไหว...ที่ล้มแผนเทคโอเวอร์ไปก็ไม่มีผลอะไรเพราะถ้าจะไปเทคฯก็ใช้เงินเพียง 100 ล้านบาท ถ้ายอดขายอย่างมากก็เพิ่มขึ้นมาอีก 100 กว่าล้านบาทเท่านั้นไม่มีผลอะไร"นายสนั่น กล่าว
หลังจากพับแผนงานดังกล่าวไปแล้ว บริษัทก็ยังไม่มีแผนที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการแห่งอื่น ๆ เพราะขณะนี้เน้นการขยายโรงงานของตัวเอง โดยลงทุนอีก 1,400 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ๆ แม่พิมพ์ และ เทคโนโลยีใหม่ ๆ และรวมสายการผลิต 2 โรงงานเป็นโรงงานเดียวเพื่อลดค่าใช้จ่ายและจำนวนพนักงาน
สำหรับกำลังการผลิตรวมในปีนี้คงเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10-25% โดยในช่วงที่รวมโรงงานคือยุบที่หนึ่งและมารวมอีกที่หนึ่งก็จะเสียเวลาและเสียกำลังการผลิตไปในช่วง 2-3 เดือนนี้ ซึ่งจะกระทบกำลังการผลิตช่วงไตรมาส 2/51 และมีผลต่อยอยขายลดลงเล็กน้อย แต่อีก 5 ปีข้างหน้ากำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้ยอดขายพุ่งเป็น 100% จาก 5,000 กว่าล้านบาทในปีนี้ เป็น 10,000 ล้านบาท โดยยอดขายจะปรับขึ้นปีละประมาณ 20%
"(กำลังผลิตที่ลดลง)เกือบจะไม่มีอะไร ประมาณ 1% ไม่น่าจะมีปัญหา แต่เราวางแผนดีมาก คิดว่ารายได้รวมปีนี้น่าจะเกิน 5,000 ล้านบาท ยอดขายของไตรมาส 2/51 อาจจะตกเป้านิดหน่อยแต่ไม่มาก เพราะอยู่ในช่วงที่กำลังย้ายโรงงาน แต่ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 น่าจะมาแรงเพราะตอนนี้ออเดอร์จริงๆ เราแน่นมาก ขณะที่กำไรสุทธิของเรายังดีอยู่" นายสนั่น กล่าว
อนึ่ง ไตรมาส 1/51 มีรายได้จากการขายราว 1,300-1,400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47.95 ล้านบาท
นายสนั่น กล่าวว่า โรงงานแห่งใหม่ที่รวมกำลังการผลิตน่าจะเริ่มเดินเครื่องเต็มที่ในไตรมาส 4/51 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 15% เนื่องจากเราขายเครื่องจักรเก่าออกไปมากและซื้อเครื่องใหม่มาทดแทน ทำให้ลดต้นทุนไปมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ