ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียพร้อมใจกันปรับตัวร่วงลงในวันนี้ ซึ่งนำโดยตลาดหุ้นจีนที่ทรุดตัวลงจากแรงเทขายของนักลงทุนที่ฉุดรั้งให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตดำดิ่งลงไปกว่า 5% ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและจากวิกฤติสินเชื่อที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจำนวนมากหันกลับมาเข้าซื้อขายในตลาดหลังจากที่หยุดยาวในเอเชียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งแรงซื้อขายหุ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวขึ้นจากที่หล่นวูบลงไปเกือบ 400 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจากปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้นเฉียดระดับ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจากรายงานตัวเลขว่างงานที่สูงกว่าคาดการณ์ถึง 5.5%
นอกจากนี้ หุ้นการเงินยังเป็นกลุ่มที่ทำให้ตลาดแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องการใช้มาตรการคุมเข้มด้านสินเชื่อ และจากการที่เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุนสูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่ที่แยกกิจการออกมาจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ในปี 2537
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งลง 5.1% แตะที่ 3,160.13 หลังจากธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นเพดานสำรองสภาพคล่อง 1 % เป็น 17.5%
ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงดิ่งลง 3.3% แตะระดับ 23,569.55 จุด และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวขยับลง 0.6% แตะที่ 14,094 จุด
ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง 1.5% แตะที่ 1,781.46 จุด หลังจากสำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า คณะรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ได้ยื่นเรื่องขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจการยกเลิกคำสั่งห้ามการนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐของรัฐบาล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--