นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มทีมงานเน้นการขยายฐานลูกค้าสถาบันต่างชาติให้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน เพื่อไปสู่เป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ย 2% ในปีนี้ จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ย 1.45%
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันต่างชาติในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จาก 30% ในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้ารายย่อย 60% จากหลังจากที่บริษัทมี Exclusive Partner ในปีหน้า ก็คาดว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันจะเพิ่มเป็น 50% หลังจากที่ได้ Exclusive Partner เข้ามาร่วม ซึ่งขณะนี้อยูี่่ระหว่างเจรจา
"เราไม่รีบ เพราะมองระยะยาวมากกว่า และตอนสถานการณ์นี้ไทยก็ยังไม่นิ่ง ข้างนอกก็มีปัญหาในเรื่องซับไพร์มด้วย แต่การมี Exclusive Partner ควรได้ทุกด้านมาช่วยเสริมเรา"น.ส.ณัฐรินทร์ กล่าว
ในปีนี้รายได้หลักของบริษัท ยังคงมาจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ขณะที่ในส่วนรายได้วาณิชธนกิจ มองว่าปีนี้คงเป็นไปตามเป้าหมาย แต่หากเทียบกับปีก่อนคงจะเติบโตน้อยลง เนื่องจากในปีก่อนมีรายได้จากการนำ DTAC เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ปัจจุบัน บริษัทมีบัญชีลูกค้าทั้งหมด 7 พันบัญชี เป็นบัญชีที่เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ(แอคทีฟ) 40% และภายในสิ้นปีนี้จะเป็น 9 พันบัญชีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 6 พันบัญชี และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมภายใต้การบริหารงาน(AUM) สิ้นปีอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาทจาก 7 พันล้านบาทในปีก่อน
น.ส.ณัฐรินทร์ กล่าวต่อว่า บล.กสิกรไทย มองว่า หากตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับ 780 จุด ก็มีโอกาสที่จะไปที่ 750 จุดได้ โดยแนะนำว่ายังไม่ควรเข้าลงทุนเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน แม้พื้นฐานจะยังดีอยู่ ขณะที่ค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มอ่อนค่า ทำให้นักลงทุนบางส่วนทำกำไรและนำเงินออก โดย 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเทขายแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท และในช่วงไตรมาส 3 หากเห็นการรีบาวน์แนะนำให้ขายทำกำไร และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มี Dividened ดี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ฝ่ายวิจัย อยู่ระหว่างการทบทวนเป้าดัชนี SET ในปีนี้ลงจากเดิมที่มองไว้ 1,080 จุด เนื่องจากปัจจัยการเมืองและเงินเฟ้อที่จะกดดัน ขณะที่ค่าเงินบาทมองเฉลี่ยทั้งปี 32 บาท/ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--