บมจ. ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์(CSP)เปิดเผยว่า บริษัทจะทยอยปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในช่วงไตรมาส 3/51 ตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งสินแร่เหล็กและราคาน้ำมัน พร้อมศึกษาการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อดันมาร์จิ้นให้สูงขึ้นเป็น 15-20% จากเดิม 10-15% สอดคล้องกับกำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอีก 4 หมื่นตันในช่วงไตรมาส 2-3/51
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ CSP กล่าวว่า แนวโน้มราคาเหล็กยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ยังมีอยู่สูง ประกอบกับต้นทุนสินแร่เหล็กที่เป็นวัตถุดิบหลักปรับขึ้นจากต้นปี 60-70% แล้ว ตามราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้น บริษัทจะปรับราคาแบบทยอยปรับแบบขั้นบันได ไม่ได้ปรับรวดเดียว เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้
บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาสินค้าที่เพิ่มมูลค่าเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ให้สูงขึ้นมาที่ 15-20% จาก 10-15% ก่อนหน้าหลังจาการแปรรูปจากเหล็กม้วนเป็นเหล็กแผ่นและเหล็กแผ่นเป็นท่อเหล็ก ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิโดยรวมดีขึ้นและยังช่วยลดต้นทุนด้วย แต่การที่จะพัฒนามูลค่าสินค้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะหากลงทุนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อก็อาจจะไม่คุ้มค่าก็ได้
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทจะเน้นเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มธุรกิจยานยนต์เพราะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเร็ว โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้ายานยนต์ 35% ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกค้ากลุ่มเฟอนิเจอร์ 20% กลุ่มธุรกิจไฟฟ้า 10% และที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อย
และ ในไตรมาส 2-3/51 บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 4 หมื่นตัน/ปี จากเดิมที่กำลังการผลิต 1.8 แสนตัน/ปี ด้วยการเพิ่มเครื่องจักร ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะปรับเพิ่มประมาณการรายได้เป็นเติบโต 30% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดไว้ 10-15% หลังจากเห็นแนวโน้มการเติบโตในช่วงไตรมาส 1/51 ต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/51 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าโรงงานที่เป็นลูกค้าหลัก รวมทั้งได้รับผลดีจากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มสูงตามราคาน้ำมัน
แต่ในช่วงไตรมาส 3-4/51 ยอมรับว่าเป็นห่วงเศรษฐกิจ เพราะจากสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะส่งผลให้ความต้องการชะลอลงไป
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการหาพันธมิตรนั้น การเจรจาผู้ประกอบการจากจีนที่สนใจมาเป็นพันธมิตรกับ CSP อาจต้องยกเลิกไปก่อน เนื่องจากพันธมิตรจีนต้องการรอดูสถานการณ์ภายในประเทศไทยให้นิ่งก่อน
อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบการไตรมาส 1/51 ที่เติบโตเกือบ 100% ทำให้มองว่าบริษัทน่าจะสามารถเติบโตได้ด้วยของตัวเองได้ในตอนนี้ แต่บริษัทก็ยังคงเปิดกว้างรับพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุน ขยายโอกาสด้านการตลาดและขยายยอดขาย ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเจรจา 2-3 ราย แต่ก็คงไม่ได้รีบร้อน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--