ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคบ่ายยังคงปรับตัวลงแรงมาที่ 2% แล้ว โดยต่างชาติยังคงขายออกมาต่อเนื่อง โดยมีแรงขายทำกำไรในเกือบทุกกลุ่ม จากความเสี่ยงราคาน้ำมันผันผวน ส่งคาดว่าจะผลกระทบวงกว้างต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และรวมไปถึงปัญหา NPLs ในกลุ่มธนาคาร และการลงทุนภายในประเทศอาจกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารด้วย
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งยังน่าจะมาจากการที่นักลงทุนจำนวนหนึ่งถูกฟอร์ซเซลและชอร์ตเซลด้วย
เมื่อเวลา 14.35 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 788.86 จุด ลดลง 16.72 จุด (-2.08%)
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับลงแรง สาเหตุหลักเป็นเพราะนักลงทุนต่างประเทศขายต่อ ทั้ง ๆ ที่วันนี้ไม่ข่าวอะไรที่เป็นปัจจัยลบใหม่ๆ เลย แต่ยังกังวลเรื่องเดิม คือ ภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมาก ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มองว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง
และเริ่มมีความกังวลว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้และอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลต่อสถานะของธนาคารพาณิชย์ในแง่ของการจะมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นในอนาคตหรือไม่ เพราะหลายๆ บริษัทเริ่มแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นไม่ไหว และมีบางส่วนที่ขายเพื่อทำ short sell ในช่วงหุ้นขาลง
รวมทั้งสภาวะค่าเงินบาทที่ผันผวนในช่วงนี้ ทำให้คนไม่มั่นใจว่าบาทจะแข็งค่าได้ต่อหรือจะอ่อนค่าลง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ติดลบจากนี้ไปก็อาจจะกดดันเรื่องค่าเงินบาทพอสมควร เมื่อค่าเงินบาทอ่อนก็ไม่คุ้มที่จะถือสินทรัพย์เป็นเงินบาท
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า วันนี้มีหุ้นหลายตัวที่ถูกบังคับขายออกมา อาทิ RICH TUCC BWG เป็นต้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนที่เล่นหุ้นกลุ่มเก็งกำไรด้วยมาร์จินจะถูกบังคับขาย(force sell)ออกมา เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมามากอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--