นายศิวะพร ชมสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น(LIVE) กล่าวว่า พร้อมจะชี้แจงรายการลงทุนในหุ้นที่ปรากฎผลในงบการเงินตั้งแต่ ม.ค.51 โดยยืนยันว่ามีกฎ กติกาชัดเจน ขณะที่ผลประกอบการจากธุรกิจของบริษัทปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งกระแสเงินสดที่ติดลบน้อยลง
"ผลการดำเนินการทางด้านธุรกิจดีขึ้น OK การลงทุนในหุ้นเราไม่ปฏิเสธว่าเราลงทุนแต่การลงทุนของเรา เรามีคณะกรรมการการลงทุน คณะกรรมการตรวจสอบการลงทุน อย่างที่ชี้แจงไป ขณะที่บางฉบับบอกว่าขาดทุนจากการประกอบการเยอะแยะ แต่ไม่ดูประวัติศาสตร์ว่าของเราดีขึ้นมาเรื่อยๆ"นายศิวะพร กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
วานนี้ ตลท.ระบุว่าได้รวบรวมข้อมูลของ บจ. ที่เข้าข่ายต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. เป็นบริษัทที่หากไม่รวมกำไรจากเงินลงทุนแล้วจะมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน มี 3 บริษัทคือ บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น(LIVE) บมจ.บลิส-เทล(BLISS) และบมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง(IEC)
สำหรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งข้อสงสัยนั้น นายศิวะพร กล่าวว่า บริษัทก็รายงานตามงบการเงินปกติตามเกณฑ์ของ ตลท.ขณะที่ผู้ตรวจสอบบัญชีก็เซ็นรับรองงบการเงินไตรมาส 1/51 และผ่านการพิจารณาของผู้ถือหุ้นไปแล้ว ซึ่งการลงทุนในหุ้นถือเป็นข้อเท็จจริงที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลไปแล้ว
ทั้งนี้ การที่ตลท.สั่งให้แจ้งยอดซื้อขายหุ้นในงบฯ ตั้งแต่งวด ม.ค. ที่ผ่านมา กติกาเรามีชัดเจนว่าวงเงินลงทุนเท่าไรมีคณะกรรมการลงทุน คณะกรรมการตรวจสอบชัดเจน
"ปัจจุบันพอร์ตลงทุนจะเป็นเท่าไหร่ จำไม่ได้ แต่เรามีกติกาชัดเจน โดยไตรมาส 1/51 ก็น่าจะมีกำไรจากเงินลงทุน ผลประกอบการธุรกิจดีขึ้น OK งบการลงทุนก็มีผลกลับไป"นายศิวะพร กล่าว
ส่วนกรณีที่ตลท.ตั้งข้อสังเกตหุ้น BLISS-IEC-LIVE ลงทุนไขว้กันไปไขว้กันมา นายศิวะพร กล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่ ตลท.มอง ใครจะมองก็ได้ แต่เราก็ซีเรียสกับธุรกิจหลักของเรา
*ปรับแนวธุรกิจเห็นผลปีนี้ ผลักดันรายได้ปีนี้โต 10% ลุ้นมีกำไร
นายศิวะพร กล่าวว่า ตั้งแต่บริษัทได้เปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจจากปลายปี 50 ก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ และเห็นผลแล้ว ทำให้คาดว่าทั้งปี 51 ยังน่าจะมีกำไร อย่างไรก็ตาม จากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจขณะนี้ส่งผลกระทบกับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะความมั่นใจของนักธุรกิจต่อการใช้งบโฆษณา
"รายได้เราจะโตจากตรงไหน เราต้องโตของเราอยู่แล้วก็ต้องทำให้ดีขึ้น พูดง่าย ๆ ต้องรัดเข็มขัดในเรื่องต้นทุน พยายามที่จะผลักดันยอดขายโฆษณา ยอดขายสินค้าที่เราขายให้ได้มากขึ้น ขณะที่การเมืองถามใครก็กระทบทั้งนั้น"นายศิวะพร กล่าว
ปัจจุบัน ธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ เคเบิลทีวี คอนเทนท์ มีเดียครบวงจร รวมทั้ง ซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัส รายได้หลักก็จะมาจากธุรกิจเหล่านี้ โดยคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 473 ล้านบาท และ ไตรมาส 2/51 ผลประกอบการก็ยังไม่แตกต่างจากไตรมาสแรก ส่วนในแง่กำไรสุทธิ เห็นได้จากไตรมาส 1/51 ก็มีกำไร และสิ้นปี 50 ก็มีกำไร 67.9 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 372 ล้านบาทในปี 49
"OK ธุรกิจอาจจะยังขาดทุน แต่ดีขึ้น ขาดทุนน้อยลง คือรายได้เพิ่มขึ้น ผลการดำเนินการดีขึ้น ต้องดูว่าดีขึ้นหรือเปล่า ...ไม่ใช่ว่าจมอยู่ในเหวตลอดเวลา ไม่ใช่"นายศิวะพร กล่าว
อนึ่ง กำไรสุทธิ LIVE ในไตรมาส 1/51 อยู่ที่ 55.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 116.1 ล้านบาท หรือเท่ากับ 190.69%
นายศิวะพร กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนนำเงินจากการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จำนวน 2,300,000,000 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยกำหนดราคาขาย 0.50 บาทต่อหน่วย ในอัตราส่วน 2:1 เพื่อใช้เงินไปเป็นทุนหมุนเวียน
และขยายธุรกิจ โดยขณะนี้ยังมองหาธุรกิจใหม่
ขณะที่แผนการเจรจาซื้อสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ยังอยู่ระหว่างดีล คาดว่าจะสามารถสรุปได้ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่เดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--