ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 9.44 จุด หรือ 0.08% แตะระดับ 12,289.76 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 3.32 จุด หรือ 0.24% แตะระดับ 1,358.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 10.52 จุด หรือ 0.43% แตะระดับ 2,448.94 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.39 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.08 พันล้านหุ้น
คริส โคลาริค นักวิเคราะห์จากบริษัทเกล็นเมด อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 132 ดอลลาร์/บาร์เรลช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นและทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลดน้อยลง
"อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายโดยรวมยังคงผันผวนเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐกำลังพุ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ" โคลาริคกล่าว
เบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมที่รัฐแมสซาชูเสท ว่า แม้อัตราว่างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาเชื่อว่าความเสี่ยงที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้เข้าสู่ช่วงขาลงอย่างยั่งยืนนั้น ลดน้อยลงแล้ว หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินรวม 1.68 แสนล้านดอลลาร์ และเฟดใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้ง และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงยังคงเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งการเติบโตของสหรัฐ และทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อไปอีกระยะหนึ่ง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอีก แม้สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลง 80,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 86.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากหลายประเทศที่อยู่นอกกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ใช้มาตรการอุดหนุนอุตสาหกรรมน้ำมันในช่วงที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นโคคา-โคล่า พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากนักวิเคราะห์ประกาศเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นเป็ปซี่โคดีดตัวขึ้น 3.4% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปี 2551
หุ้นซิตี้กรุ๊ปดีดตัวขึ้น 3.4% ส่วนหุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ร่วง 6.7% หลังบริษัทประกาศเพิ่มทุนและคาดว่าอาจจะขาดทุนรายไตรมาสสูงถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.2% หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ประกาศเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นแอปเปิล ส่วนหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% และหุ้นเชฟรอนดิ่งลง 2.4% หลังราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลงอย่างหนัก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--