นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม(TKT) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/51 เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้ใช้กำลังการผลิตกว่า 90% ของทั้งหมดที่มี 1.2 พันล้านบาท ทำให้ต้องพิจารณาลงทุนเพิ่ม
มี 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรก จะปรับปรุงคุณภาพเครื่องจักร ซึ่งจะสามารถรองรับคำสั่งใหม่ได้เพิ่ม ประมาณ 100-200 ล้านบาท หรือ แนวทางที่ 2 จะลงทุนขยายโรงงานเพิ่มในพื้นที่เดิม จะสามารถรองรับคำสั่งได้เพิ่ม 300 ล้านบาท หรือ แนวทางที่ 3 จะซื้อที่ดินใหม่และสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งจะสามารถรองรับคำสั่งซื้อได้ประมาณ 1 พันล้านบาท และรองรับการเติบโตของบริษัทได้อีก 8 ปี
ทั้งนี้ หากเลือกแนวทางที่ 3 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ทำให้ต้องพิจารณาเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ขณะที่แนวทางแรกใช้เงินลงทุนไม่ถึง 100 ล้านบาท ถ้าเลือกแนวทางที่ 2 ก็ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
"แต่เราก็ได้รับแรงผลักดันจากบริษัทที่รับจ้างผลิต ให้เราเพิ่มกำลังการผลิต เพราะปัจจุบันมีรายได้รวมกว่า 1 พันล้านบาท จากบริษัทที่สามารถผลิตได้ 1.2 พันล้านบาท แต่เราต้องพิจารณาแนวทางที่ก่อประโยชน์มากที่สุด"นายจุมพล กล่าว
ในปี 51 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษับรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งลูกค้าหลักในกลุ่มยานยนต์ ได้แก่ โตโยต้า ไทยซัมมิท และ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ ฮิตาชิ ไฮเออร์ มิตซูบิชิ
สำหรับการเจรจากับพันธมิตรกับญี่ปุ่น เพื่อร่วมทุนผลิตชิ้นส่วนนั้น ในเบื้องต้นได้ข้อสรุปแล้วว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในประเทศไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในไตรมาส 3/51 เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและทำงานร่วมก้นได้ดีกว่าแผนงานเดิมที่พันธมิตรญี่ปุ่นที่ต้องการเข้าซื้อหุ้น TKT และต้องการเข้ามามีส่วนในการบริหาร
ทั้งนี้ เชื่อว่าจากการร่วมทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากพันธมิตรจากญี่ปุ่น ก็เป็นบริษัทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นายจุมพล ยอมรับว่าในปีนี้ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะเม็ดพลาสิกทีเป็นวัตถุดิบหลัก แต่บริษัทได้ทำข้อตกลงให้ลูกค้ารับภาระในส่วนที่วัตถุดิบที่มีราคาสูงขึ้น ทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระมากเกินไป และจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นบองบริษัท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 18% จากปีก่อนที่มี 17%
TKT เป็นผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลัก รองลงมาเป็นชิ้นส่วนเครื่องไฟฟ้า
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--