บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) เผยชะลอแผนขยายตลาดในเวียดนามหลังเห็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวชัดเจน แต่ไม่กระทบรายได้เพราะส่วนใหญ่ฐานการผลิตในเวียดนามจะส่งออกประมาณ 95% ทำรายได้ในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน คาดหวังรายได้ทั้งปี 51 อาจจะได้มากกว่าที่ตั้งเป้าที่ 4.5 พันล้านบาทหรือโต 8% จากปีก่อน หลังเห็นแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ รองประธานกรรมการบริหาร PRANDA กล่าวว่า จากการที่เวียดนามปรับลดต่าเงินด่อง ลงประมาณ 2% ไม่ได้กระทบกับบริษัท แม้จะมีฐานการผลิตในเวียดนามแต่ส่วนใหญ่กว่า 95% จะส่งออกมายังไทย และบางส่วนไปสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่เหลือเป็นการขายในตลาดภายในประเทศเวียดนามประมาณ 5%
"แนวโน้มที่จะเพิ่มตลาดในเวียดนามปีนี้ คงจะชะลอตัวออกไป ต้องรอดูสถานการณ์ เพราะดูภาวะเศรษฐกิจเขาไม่ค่อยดี ...ยังไงไม่กระทบกับยอดขายรวมของบริษัท"นางสุนันทา กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นอกจากนี้ ค่าแรงที่เวียดนามอาจจะต้องมีการปรับขึ้นตามค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ ฐานการผลิตในเวียดนามมียอดขายรวมทั้งปีประมาณ 50-60 ล้านบาท มีพนักงงานอยู่ 300 คน รองจากไทยและอินโดนีเซีย โดยปัจจุบัน PRANDA มีโรงงานผลิตทั้งหมด 6 แห่ง ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ในไทย 3 โรงงาน (กรุงเทพ,นครราชสีมา) , อินโดนีเซีย , เวียดนาม และ จีน
นางสุนันทา ยังกล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 8% จากปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอดตัว แต่เชื่อว่ายอดขายบริษัทจะไม่กระทบ เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมากนัก
และยังคงแผนการขยายตลาดในจีนและอินเดียที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ โดยการขยายร้าน ขยายเฟรนไชส์ ตามเมืองใหญ่
"ในช่วงนี้เงินบาทอ่อนตัวลงไป กว่าตอนที่เราประมาณการยอดขายตั้งไว้ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากอ่อนตัวลงไปอย่างนี้ก็อาจทำให้รายได้มากกว่าเป้าหมาย แต่ลูกค้าเห็นบาทอ่อนก็เรียกร้องให้บริษัทลดราคาให้" นางสุนันทา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามมาตรการดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเมื่อเช้านี้ เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 33.05/08 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องมาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--