ราคาหุ้น TUCC เปิดตลาดร่วงติดฟลอร์ 29.86% มาอยู่ที่ 3.10 บาท ลดลง 1.32 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17.50 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า การที่ตลท.ขึ้น H หุ้นบมจ.ไทยยูนิคคอยล์เซ็นเตอร์ (TUCC) ช่วงบ่ายวานนี้ (11 มิ.ย.) จนปลด H แล้ว ก็ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงจากตลท. เพราะตลท.ยังไม่ได้ชี้แจงอะไรที่ชัดเจน
"ในแง่ราคาหุ้นยังคาดการณ์อะไรไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรเนื่องจากมีหุ้นอีก 3-4 ตัวที่พัวพันกันอยู่ ไม่รู้จะไปประเมินอย่างไร" นายรณกฤต กล่าว
ส่วนที่จะมีการเพิ่มทุนจะเพิ่มทุนได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะติดปัญหานี้อยู่
"เรื่องเพิ่มทุนไม่รู้ว่าเกิด case นี้ขึ้นมาแล้วตลท.จะต้องตรวจสอบข้อมูลเยอะหรือเปล่า เพราะต้องไปขอก.ล.ต.อีก ไม่ได้หมายความว่าจะมีปัญหาการเพิ่มทุน แต่ถ้าเกิด case แบบนี้จะต้องเคลียร์ก่อน" นายรณกฤต กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ระบุว่า ราคาหุ้นที่ลดลงแรงทำให้ลูกค้าที่เล่นมาร์จิ้นถูกโบรกเกอร์สั่งให้นำหลักประกันมาวางเพิ่มและ/หรือบังคับขาย (Forced Sell) นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวว่าหุ้นดังกล่าวอาจโดนมาตรการอื่นใดจาก ก.ล.ต./
ตลท. เพราะเคยเป็นหนึ่งในหุ้นร้อนที่ติด Turnover List
ส่วนความกังวลถึงปัจจัยพื้นฐาน น่าเป็นห่วงอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องความเสี่ยงจากการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัทฯต้องนำเข้าเหล็กสแตนเลสรีดร้อนซึ่งราคาพุ่งต่อเนื่องและต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อซื้อวัตถุดิบหลังเงินบาทเริ่มอ่อนค่านับแต่เม.ย.08 นอกจากนั้นยอดขายอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา
และความเสี่ยงทางการเงิน ทั้งหนี้เยอะ (Net D/E สูงถึง 3.2x เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดที่แค่ ~1x) และเงินกู้ส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหลังดอกเบี้ยกลับทิศเป็นขาขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมี Interest Coverage
Ratio แค่ 1.8x ซึ่งถือว่าค่อนข้างปริ่มน้ำ)
ที่ผ่านมาไม่เคยปันผล มีแต่เพิ่มทุน นับแต่ TUCC เข้าตลาดฯเมื่อปลายปี 05 ผู้ถือหุ้นก็ไม่เคยได้รับเงินปันผลเลย ตรงข้ามเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการเพิ่มทุนผ่านการ XR & XW สัดส่วน 2:1:1.50 @ 2.50 บาท ไปเมื่อ 9 พ.ค.ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย (6-12 มิ.ย )ในการจ่ายตังค์ซื้อลูกหุ้นใหม่ ดังนั้นเป็นไปได้ที่ขาใหญ่ขายทิ้งหุ้นในกระดานเพื่อนำเงินไปจองซื้อลูกหุ้นซึ่งราคาถูกกว่าเท่าตัว ( 2.50 บาท vs. 4.42 บาท)
เพิ่มทุนขนาดนั้น Dilution สูงถึง 125% จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนหุ้นและเมื่อ TUCC-W1 ทั้งหมดมีการแปลงสภาพ (ซึ่งจะทำให้ทุนฯเพิ่มจาก 253เป็น 569 ล้านหุ้น) ส่วน BV ลดลงเล็กน้อยเหลือ 1.92 บาท/หุ้น
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--