ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียพร้อมใจกันปรับตัวร่วงลงในวันนี้ โดยมีหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินที่แกว่งตัวลงฉุดทุกตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นถึงปัจจัยลบจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และจากการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยนักลงทุนรู้สึกวิตกกังวลต่อราคาน้ำมัน NYMEX (New York Mercantile Exchange) ที่พุ่งขึ้น 5.07 ดอลลาร์สหรัฐไปปิดที่ระดับ 136.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในระหว่างวันราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 138.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ จากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบที่ทำท่าว่าจะพุ่งฝ่าระดับ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกอาจใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลและภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้น
สจ๊วต สมิธ ที่ปรึกษาลูกค้าของบล.เบล พ็อตเตอร์ในนครซิดนีย์กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยที่ฉุดรั้งให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลง ซึ่งขณะนี้นักลงทุนต่างมีความวิตกกังวลไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือภาวะเงินเฟ้อ"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดิ่งลง 2.3% แตะที่ 13,861.70 จุด เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปิดทรุดตัวลง 2.3%
ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถอยรูดลง 1.5% หลังจากธนาคารกลางประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ซึ่งยิ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางปรับขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันที่ 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ท่ามกลางภาวะราคาสินค้าผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--