น.ส.อังคกาญจน์ ตันติวิรุฬห์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริช เอเชีย สตีล (RICH) กล่าวว่า กรณีที่มีการฟอร์ซเซลหุ้น RICH ของบริษัทออกมา ทำให้ราคาหุ้น RICH ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้บริหาร ไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มบุคคลใดที่ขายหุ้นออกมา เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นกว่า 2 พันราย แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับกลุ่มตันติวิรุฬ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รวมทั้งเป็นผู้บริหาร
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้น RICH เหลือ 7% หลังปิดสมุดทะเบียนเมื่อ 10 มิ.ย. 51ที่ผ่านมา จากเดิมที่ถืออยู่ 9%
ส่วนการขอยื่นไฟลิ่งเพื่อขอออกใบสำคัญเสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอแรนท์) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)นั้นบริษัทจะยื่นภายหลังได้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอย่างใด
"โดยปกติ ก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจาณาไฟลิ่งประมาณ 2 เดือน แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องฟอร์ซเซล ทางบริษัทก็ยินดีที่จะให้ทางก.ล.ต.ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด แต่มั่นใจจะไม่มีปัญหา เพราะว่าการออกวอแรนท์จะนำเงินไปขยายธุรกิจตามแผนการดำเนินงานอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้า ก.ล.ต.จะมีข้อสอบถามเพิ่มเติม บริษัทก็เตรียมข้อมูลอย่างละเอียดไว้เต็มที่ แต่การพิจาณาออกวอแรนท์เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของก.ล.ต." น.ส.อังคกาญจน์ กล่าว
เมื่อ พ.ค.51 คณะกรรมการบริษัท มีมติออกวอแรนท์ จำนวน 5 พันล้านหน่วย ให้ฟรีผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนท์ และกำหนดราคาใช้สิทธิ หุ้นละ 0.40 บาท
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นมิ.ย. ราคาหุ้น RICH ร่วงลงมากกว่า 50% โดยเฉพาะวันที่ 10 มิ.ย.ราคารูดลงไปมากที่ราคาปรับลงมาต่ำสุดที่ 0.20 บาท โดยวันนี้ ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 0.25 บาท ลบ 0.01 บาท (-3.8%)
น.ส.อังคกาญจน์ กล่าวว่า ในส่วนกลุ่มตันติวิรุฬห์ ที่เป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหารไม่มีแผนขายหุ้นออกมา และการที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อหุ้น
*คาดรายได้ทะลุ 1 หมื่นลบ./ธุรกิจใหม่ดันกำไร
สำหรับผลประกอบการปี 51 บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้จะทะลุเกิน 1 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักยังมาจากธุรกิจเดิมได้แก่ ธุรกิจเหล็กรูปพรรณ เหล็กโครงสร้าง คาดมีรายได้ประมาณ 4-5 พันล้านบาท และจากธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการจัดซื้อเศษเหล็กให้กับผู้ผลิตรายใหญ่ที่คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 3 ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท และเหล็กสำเร็จรูป ซึ่งจะรับรู้รายได้จากโรงงานเหล็กสำเร็จรูปที่เริ่มผลิตในปีนี้ คาดจะมีรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจใหม่ 2 ธุรกิจข้างต้น มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจเดิม ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปี 51 เพิ่มมาเป็น 7-8% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 4.06% โดยเริ่มเห็นแนวโน้มกำไรดีขึ้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับประมาณ 7%
"รายได้มากกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากปีก่อนที่มีราคา 19 บาท/กก. เพิ่มเป็น 40 บาท/กก.ในปัจจุบัน และปีนี้เชื่อว่ากำไรของบริษัทจะดีมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะแค่ไตรมาสเดียว บริษัทก็มีกำไรเกือบเท่ากับปีที่แล้วทั้งปี"น.ส.อังคกาญจน์ กล่าว
ดังนั้น หากผลประกอบการของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย ก็เชื่อว่าราคาหุ้น RICH จะสะท้อนผลการดำเนินงาน
อนึ่ง ในไตรมาส 1/51 บริษัทมีกำไรสุทธิ 64.2 ล้านบาท จากไตรมาส 1/50 ที่มีผลขาดทุน 175.4 ล้านบาท
น.ส.อังคกาญจน์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐในการจัดซื้อเศษเหล็กให้กับผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในประเทศ โดยได้ขอวงเงินกุ้จากแบงก์ต่างประเทศไว้ 4 แห่ง ได้วงเงินรวม 64 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังได้วงเงินกู้จากธนาคารเอบีเอ็น แอมโร จำนวน 600 ล้านบาท
โดยหากบริษัทใช้เงินกู้ดังกล่าวทั้งหมดจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) เพิ่มเป็น 1.25 เท่าจากปัจจุบันที่ 0.84 เท่า แต่บริษัทเชื่อว่าจะใช้เงินกู้ไม่เต็มวงเงิน และพยายามรักษาอัตราส่วน D/E ไม่เกิน 1 เท่า
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--