(เพิ่มเติม) สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ลดเป้าดัชนี SET ปีนี้มาที่ 927จุด กังวลการเมือง-ศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 16, 2008 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ย ณ ปลายปี 2551 มาอยู่ที่ 927 จุด ลดลงจาก 958 จุดที่เคยคาดไว้เดิมเมื่อ ม.ค.2551 
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นภายใต้สถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจและการลงทุน ทั้งแนวโน้มสถานการณ์ทางการเมือง ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท คาดการณ์อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมและใน 6 กลุ่มธุรกิจสำคัญ เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมฯ กล่าวว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มองว่าทิศทางของสถานการณ์ทางการเมืองในระยะ 6 เดือนข้างหน้่าจะแย่ลง โดยประเด็นการเมืองที่มีผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การชุมนุมทางการเมืองที่อาจยืดเยื้อนำไปสู่ความรุนแรง, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า หากเปรียบเทียบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปี 2551 ก่อนเกิดเหตุชุมนุมอยู่ที่ 985 จุด ขณะที่ปัจจุบัน ลดลงไปอยู่ที่ 927 จุด แต่ในปี 2552 นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะสามารถปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,081 จุด โดยมีผู้คาดการณ์ไว้สูงสุดที่ 1,400 จุด
ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2551 จากการสำรวจของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ พบว่า ตัวเลขคาดการณ์ก่อนเกิดเหตุชุมนุมอยู่ที่ 5.3% เทียบกับปัจจุบันที่อยู่ที่ 5% ซึ่งยังสูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับเฉลี่ย 4.8% ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อ ม.ค.2551
ปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจากการประเมินครั้งก่อน โดยเมื่อ 29 ม.ค.2551 เคยคาดการณ์ดอกเบี้ยอาร์พี สิ้นปี 2551 ที่ 3.10% แต่ปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่ 3.56%
ส่วนเงินบาทปัจจุบันปรับประมาณการใหม่เป็น 32.7 บาท/ดอลลาร์ จากที่เคยคาดไว้ก่อนเหตุชุมนุม 31.9 บาท/ดอลลาร์
สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ก่อนเกิดเหตุชุมนุมนักวิเคราะห์คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 21% ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.7%
ซึ่งสูงขึ้นจากการสำรวจครั้งที่แล้วที่ 18.9% โดยจากการประเมินอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของกลุ่มธุรกิจสำคัญ พบว่า กลุ่มธนาคารยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ที่ 466.6% รองลงมาคือ อสังหาริมทรัพย์ โตเฉลี่ยที่ 28.1 และ กลุ่มเดินเรือที่ 12.2%
หุ้นแนะำนำที่ตรงกันหลายสำนัก ได้แก่ BANPU, HANA, KBANK, PTTEP, SCB เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ