นายชนะ สุทธิหวังเจริญ กรรมการ บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค(DCC)คาดว่า ในปีนี้บริษัทจะเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลัง 100% จากปี 50 ที่ผลิตในระดับ 70-80% รับผลรายได้ของเกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญปรับตัวดีขึ้น และมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายและกำไรสุทธิเติบโตได้ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.5 พันล้านบาท รอดูเหตุการณ์ก่อนพิจารณาความจำเป็นในการขยายกำลังผลิตในปีหน้า
"ปีนี้น่าจะได้ 100% หรืออย่างต่ำ 95% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้เกษตรกรในต่างจังหวัดที่ดีขึ้นจะส่งผลดีต่อยอดขายเพราะลูกค้าของเราส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด เป็นชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา"นายชนะ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตต่อเนื่องทุกไตรมาส เห็นได้จากไตรมาส 1/50 กำไรเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้เชื่อว่าไตรมาสต่อ ๆ ไปก็น่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน หลังจากที่บริษัทผลิตเต็มกำลัง โดยปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่เดือนละ 4 ล้าน ตร.ม.หรือปีละประมาณ 48 ล้าน ตร.ม.และมีผลิตภัณฑ์ลายใหม่ๆ ออกทุกเดือนๆ ละประมาณ 5-10 ลาย เพราะกระเบื้องถือเป็นสินค้าแฟชั่นเพื่อที่ลูกค้ามีโอกาสได้ของใหม่ๆ เป็นทางเลือก
"โดยภาพรวมไตรมาสต่อไตรมาสก็น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ถึงแม้ปกติยอดขายที่ดีที่สุดน่าจะเป็นไตรมาส 1 เพราะมีช่วงปีใหม่ ตรุษจีน ใกล้สงกรานต์ จากนั้นก็เฉลี่ยลงมา ช่วงกลางๆ ปีก็จะชะลอตัวบ้างเพราะเป็นฤดูฝนพอปลายๆปีก็จะเริ่มดีขึ้น"นายชนะ กล่าว
อนึ่ง DCC ไตรมาส 1/51 มีกำไรสุทธิ 218.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 157.31 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทั้งปี 50 อยู่ที่ 577.45 ล้านบาท
"ปีที่แล้วไม่ดีเลย เป็นปีที่เงียบ slow down หมด อสังหาริมทรัพย์เงียบหมด การก่อสร้างต่างๆ ไม่ค่อยมี ปีนี้ต้องดีขึ้นอยู่แล้ว ประจวบกับที่ถ้าหากพืชผลทุกอย่างดี ราคาดีขึ้น กำลังซื้อก็ต้องมากขึ้น ก็เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมไป เพราะเกษตรกรเป็นลูกค้าใหญ่ ถ้าเกษตรมีรายได้สูงขึ้นก็ย่อมจะส่งผลให้กำลังซื้อมีมากขึ้น"
*เล็งปรับขึ้นราคาขายหากต้นทุนวัตถุดิบ น้ำมัน ค่าแรงพุ่งต่อ
นายชนะ กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าหากต้นทุนยังปรับขึ้นไปจากนี้อีก โดยก่อนหน้านี้บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับรายอื่น ๆ ทั้งน้ำมัน ค่าแรงงาน วัตถุดิบ และค่าขนส่ง แม้ว่าจะหาทางอื่นที่จะลดต้นทุนหรือเน้นการใช้ต้นทุนให้มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งโรงงานของบริษัทได้เปรียบตรงที่เราพยายามสร้างประสิทธิภาพการใช้ต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด แต่ในที่สุดก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องปรับราคา
"ในภาวะแบบนี้เป็นโอกาสทองของคนที่จะซื้อเพราะจะได้สินค้าในราคาที่ต้นทุนแพงขึ้นแต่ราคาสินค้ายังไม่ขึ้น เป็นจังหวะดีเพราะกระเบื้องมีแนวโน้มว่าอาจจะขึ้นราคาถ้าต้นทุนยังขึ้นไม่หยุดอยู่ ทั้งราคาน้ำมัน ค่าแรง วัตถุดิบ นี่คือต้นทุนหลัก"นายชนะ กล่าว
ส่วนจะปรับเมื่อไรนั้น จะพิจารณาจากผลกระทบจากภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก หากกระทบต่อรายได้เมื่อใดก็จะปรับขึ้น แต่ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ได้โดยที่ยังไม่ปรับราคา เพราะยังมีกำไรใกล้เคียงเป้า แต่ถ้ากำไรหายหมดก็ต้องปรับราคา อีกทั้งการแข่งขันต่างๆ ก็ไม่มีแล้วเพราะตอนนี้ถ้าหากทุกโรงงานก็ยังขายกันได้ดีก็ไม่มีปัญหาเรื่องราคามานั่งฟาดฟันกัน ทุกคนไม่ต้องมานั่งขาดทุน
ตอนนี้กระเบื้องของไดนาสตี้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาย่อมเยาว์ที่สุดตารางเมตรมีตั้งแต่ 100 บาทต้นๆ ไปจนถึง 200 บาท ค่อนข้างถูก
*คาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ 40% สูงกว่าปีก่อนที่ 37%
นายชนะ กล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ก็จะดีกว่าปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะสูงกว่า 40% จาก 37% ในปีก่อน เนื่องจากบริษัทผลิตได้เต็มที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง และบริษัทพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายต่างๆ ทำให้ภาพรวมแม้ว่าราคาน้ำมันปรับขึ้น ค่าแรงงาน ค่าวัตถุดิบปรับขึ้น แต่ต้นทุนเราขึ้นน้อยมาก
"ที่ผ่านมาต้นทุนขึ้นไปกี่เปอร์เซนต์แต่ภาพรวมปีที่แล้วผลิตไม่เต็มที่ ปีนี้ผลิตได้เต็มที่ต้นทุนต่างๆ อาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่มากมาย"นายชนะ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาเกือบ 200 แห่ง ซึ่งในปีนี้คงจะไม่เพิ่มจำนวนแล้ว แต่จะพิจารณาในปีหน้าอีกครั้ง โดยปีนี้จะพยายามพัฒนาสาขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากที่ได้เพิ่มจำนวนมาตลอดในช่วง 10 ปี ส่วนการขยายกำลังการผลิตต้องรอดูอุปสงค์-อุปทานว่ากำลังผลิตในปัจจุบันสอดคล้องกับความต้องการหรือไม่ โดยจะพยายามผลิตให้เต็มที่ก่อนในปีนี้
"ปีนี้ต้องผลิตให้ได้ 100% ก่อน ส่วนจะขยายกำลังการผลิต หรือจะลงทุนเพิ่มก็ลองไปดูปีหน้า ซึ่งการลงทุนสำหรับกระเบื้องไม่ใช้เวลายาวหรอกเพราะโครงสร้างต่างๆ ของเรามีพร้อมแล้ว ถ้าจะขยายกำลังการผลิตก็คงจะประมาณภายใน 4-6 เดือน ก็สามารถที่จะเพิ่มได้ สั่งเตามา ไม่ได้ใช้เวลายาวเพราะฉะนั้นยังมีเวลา"นายชนะ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--