ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 134 ดอลลาร์และข้อมูลกิจกรรมด้านการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 38.27 จุด หรือ 0.31% แตะระดับ 12,269.08 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 0.11 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,360.14 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 20.28 จุด หรือ 0.83% แตะระดับ 2,474.78 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.16 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.87 พันล้านหุ้น
โทมัส ไนฮีม นักวิเคราะห์จากคริสเตียนา แบงค์ แอนด์ ทรัสต์ กล่าวว่า "สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ถดถอยเร็วขึ้นด้วย"
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหนักขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยดัชนีชี้วัดกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์กร่วงลงแตะระดับ -8.7 จุดในเดือนมิ.ย. จากเดือนก่อนหน้านี้ที่ -3.7 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของมหานครขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นมาตรวัดแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐได้ในระดับหนึ่งนั้น ทรุดตัวลงอย่างมาก
"ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับอัตราว่างงานที่สูงขึ้น กำลังส่งผลบั่นทอนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมโดยรวมของสหรัฐและเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัวต่อไปได้" ไนฮีมกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวสหรัฐที่เข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 384,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 7 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 359,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส รายงานว่าบริษัทขาดทุนไตรมาส 2 ราว 2.87 พันล้านหุ้น หรือ 5.14 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์สนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อปี 2537 ทั้งนี้ หุ้นเลห์แมน ดีดตัวขึ้น 6.2%
ก่อนหน้านี้ เลห์แมน บราเธอร์ส ประกาศปลดนางเอริน คัลแลน ออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) หลังจากที่นางคัลแลนไม่สามารถสยบกระแสคาดการณ์ที่ว่าเลห์แมน บราเธอร์สจะขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลให้หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ทรุดตัวลงถึง 65% ในปีนี้
ส่วนหุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก ร่วงลง 42 เซนต์ ปิดที่ 33.76 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่า AIG ประกาศปลดมาร์ติน ซัลลิแวน จากตำแหน่งซีอีโอ หลังจาก AIG ขาดทุนในไตรมาสแรกปีนี้เป็นวงเงินสูงถึง 7.8 พันล้านดอลลาร์ และแต่งนายโรเบิร์ต วิลลัมสแตด อดีตซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป เข้ารับตำแหน่งแทน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--