(เพิ่มเติม) UKEM อาจปรับเพิ่มเป้ายอดขายเป็น 2.7 พันลบ.จาก 2.5 พันลบ.หาก Q2ออกมาสวย

           นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี กรรมการ บมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล (UKEM ) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะปรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้เพิ่มเป็น 2.7 พันล้านบาท จากเป้าเดิมอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงต่อไป ขณะที่ด้านตลาดส่งออกก็ได้อานิสงส์ที่ดีขึ้นจากผลิตสินค้าให้กับบมจ.เอสโซ่(ESSO)เพื่อทำการส่งออกด้วย
          "หากตัวเลขไตรมาส 2 ออกมาดี ก็จะมีการปรับยอดขายดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1"
นายพีรเจต กล่าว
          สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าบริษัทย่อยที่ฮ่องกงจะทำรายได้เข้ามาในไตรมาส 3/51 เป็นปัจจัยสอดคล้องให้ปรับตัวเลขผลประกอบการขึ้นด้วย และบริษัทยังมีแผนปรับราคาขายโซลเว้นท์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เฉลี่ย 3-5% ตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นสูง โดยก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ค.บริษัทปรับขึ้นราคาไปแล้วเฉลี่ย 10-15% 
          นายพีรเจต กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิ(Net margin)ของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2-2.5% จากระดับ 1% กว่าในปีก่อน โดยบริษัทเน้นการบริหารสต็อคสินค้าเพื่อให้สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้การควบคุมสต็อกค่อนข้างยาก เพราะราคาปรับขึ้นเร็ว
          สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับพันธมิตรใหม่นั้น นายพีรเจต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจ 2-3 ราย มาจากจีน 2 ราย และเกาหลี 1 ราย จากเดิมที่มีอยู่ 2 ราย เพื่อเข้ามาร่วมทุนสร้างโรงงานโซลเว้นท์แห่งใหม่ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้ไตรมาส 3-4/51 เลื่อนไปจากเดิมที่วางแผนจะจบในไตรมาส 2/51
            การสร้างโรงงานโซลเว้นท์นั้น คาดว่า จะมีกำลังการผลิตรวม 50,000 ตัน/ปี แบ่งเป็น Ethyl Acetate และ Butyl Acetate โดยจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกอยู่ที่ 3 หมื่นตัน/ปี และ เฟสที่สองอยู่ที่ 2 หมื่นตัน/ปี 
          "การสร้างโรงงานจะมีมูลค่าอย่างน้อยประมาณ 300 ล้านบาท โดยพันธมิตรรายใหม่เข้ามาเสนอในเรื่องของวัตถุดิบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราไม่มีความชำนาญ...และพันธมิตรรายใหม่ต้องการถือครองหุ้นในสัดส่วนที่มาก จึงทำให้บริษัทต้องพิจารณาในการเข้ามาของพันธมิตรอย่างรอบคอบ ถึงจะช้าก็ไม่เป็นไร" นายพีรเจต กล่าว  
          นอกจากนี้ ในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับ ESSO ในการสั่งซื้อสินค้าเคมีภัณฑ์ประเภทน้ำมันเครื่องและผลิตภัณฑ์หล่อลื่น มูลค่า 100-120 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับเป็นตัวแทนให้ ESSO  เพราะตอนนี้ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว เหลือเพียงในเรื่องของเอกสารเท่านั้น และยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจของบริษัท พีทีที ฟีนอล ในการเป็นตัวแทนจำหน่าย มูลค่า 300-400 ล้านบาทด้วย