AKRปฏิเสธข่าวจับ"เอกรัฐโซล่าร์"ควบรวม SOLAR/รับเจรจาพันธมิตรยังไม่ลงตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 19, 2008 11:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม(AKR)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" โดยปฏิเสธกระแสข่าวจับ บริษัท เอกรัฐโซล่าร์ ควบรวมกิจการ บมจ.โซลาร์ตรอน(SOLAR)และไม่เคยคิดเข้าไปเทคโอเวอร์ ขณะที่ดีลเจรจาพันธมิตรเข้าถือหุ้นกิจการโซล่าร์เซลล์ยังตกลงเงื่อนไขไม่ลงตัว แต่ตั้งเป้าจบให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ยืนยันไม่ถอยให้พันธมิตรเข้าถือหุ้นใหญ่แน่ ย้ำแผนส่งเข้าตลาดหุ้นกลางปี 52 หรืออย่างช้าไตรมาส 3/52
"ข่าวรวมกับโซลาตรอน ผมยังงงๆ อยู่ที่ข่าวออกไปแบบนั้น บอกว่าผมจะไปเทคฯ ผมก็ยังงงๆ แต่ผมพูดในหลักการทั่วๆไปถ้าจะไปเทคฯผมไม่มีเงินเทคฯหรอก เพียงแต่ผมจะเพิ่มทุนในเรื่องการทำธุรกิจของผมให้มีความมั่นคงมากขึ้น ยืนยันไม่มีแผนควบรวมและไม่ได้คุยกันเลย"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติให้กับเอกรัฐโซล่าร์นั้น นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า มีการเจรจากับผู้สนใจหลายราย และบริษัทต้องการให้การเจรจาจบโดยเร็ว แต่ผู้ที่สนใจแต่ละรายมีเงื่อนไขที่ไม่ลงตัว เช่น บางรายต้องการเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ โดยขอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% ซึ่งบริษัทคงไม่สามารถตกลงได้ เพราะ AKR ยังยืนยันที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
"ผมก็บอกว่าทำไมต้อง 51% คณะกรรมการบริษัทคงจะไม่ยอม อย่างนี้ก็คงไม่ได้เพราะว่าเราก็ทำกันมานานแล้ว พอจะเข้ามาก็ขอ 51% เลย ซึ่งเราก็คงจะยอมไม่ได้ก็ต้องคุยกันด้วยวิธีอื่น ส่วนจะเสร็จเมื่อไรดีลยังไม่จบก็ยังไม่สามารถสรุปได้ คุยกันหลายแห่งไม่เฉพาะสิงคโปร์"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในเอกรัฐโซล่าร์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็น International Business รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาสูงมากทำให้แนวโน้มของพลังงานทดแทนเป็นที่จับตาของคนทั่วโลก โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องก็สนใจที่จะมาร่วมลงทุนด้วยถึงแม้ไม่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Stategic Partner)เพราะมีอนาคตที่ดี
ทั้งนี้ AKR มีแผนให้เอกรัฐโซลาร์เพิ่มทุน 500 ล้านหุ้น โดย AKR จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น และจะขายหุ้นให้กับพันธมิตร 300 ล้านหุ้น โดยปัจจุบัน AKR ถือหุ้นในเอกรัฐโซล่าร์ 99.99% จากนั้นจะขายหุ้น IPO เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงราวกลางปีหน้าหรืออย่างช้าไตรมาส 3/52 เพราะต้องรอผลประกอบการไตรมาส 1/52 โดยจะมีมาร์เก็ตแคปเกิน 1,000 ล้านบาท
*เอกรัฐโซล่าร์ปีนี้ขาดทุนราว 80 ลบ.คาดเริ่มมีกำไรปีหน้าตามอัตรากำลังผลิตเพิ่ม
นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ในปีนี้ AKR จะรับรู้รายได้จากเอกรัฐโซล่าร์มากในช่วงไตรมาส 3-4/51 จากที่เริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 1/51 และเริ่มรับออร์เดอร์เต็มที่ในช่วงไตรมาส 2/51 เมื่อถึงไตรมาส 3/51 ก็จะเริ่มผลิตได้มากขึ้น จากนั้นไตรมาส 4/51 จนถึงปีหน้าก็จะเข้าระบบปกติและผลิตได้เต็มที่กำลัง จากในปีนี้น่าจะผลิตได้ประมาณ 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เนื่องจากปีนี้ยังมีปัญหาด้านวัตถุดิบไม่เพียงพอ
"ยอดขายไตรมาส 3-4 จะต้องมากกว่าไตรมาส 1-2 ที่เริ่มผลิต รับออเดอร์ ไตรมาส 2 ก็เริ่มทำเพิ่มขึ้นและได้งานมากขึ้น และไตรมาส 3 วัตถุดิบสำหรับการผลิตมาพอดีก็เริ่มทำในไตรมาส 3 และกว่าจะส่งของหนักก็ไตรมาส 3-4"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้เอกรัฐโซล่าร์น่าจะทำยอดขายไม่เกิน 1,000 ล้านบาท อยู่ในช่วงราว 800-1,000 ล้านบาท โดยยอดขายจะเข้ามามากในไตรมาส 3-4/51 ไตรมาสละ 300-400 ล้านบาท จาก 100 กว่าล้านบาทในไตรมาส 2/51 และจะเพิ่มขึ้นมากในปีหน้าตามกำลังผลิตที่ตั้งเป้าไว้ 80-100% ซึ่งคาดว่าปัญหาวัตถุดิบน่าจะดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปีนี้เอกรัฐโซล่าร์คงจะยังไม่มีกำไรแน่นอน โดยคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 80 ล้านบาท เนื่องจากผลิตได้ไม่เกิน 30% ของกำลังการผลิต ทำให้ไม่เพียงพอที่จะนำมาหักค่าเสื่อมราคาตามบัญชีปีละประมาณ 80 กว่าล้านบาท ไตรมาสละ 20 ล้านบาท และยังต้องหักค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย แต่จะเริ่มมีกำไรเมื่อผลิตได้เกิน 60% ในปีหน้า และอีกประมาณ 7-10 ปี ก็จะถึงจุดคุ้มทุน
นายเกียรติพงศ์ เชื่อว่า แนวโน้มธุรกิจโซล่าร์เซลล์จะไปได้ดีในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพงที่ทำให้ธุรกิจอื่นมีปัญหา แต่กลับกลายเป็นผลดีต่อธุรกิจโซล่าร์เซลล์ ประกอบกับบริษัทตั้งเป้าธุรกิจถูกทาง โดยเน้นการส่งออกเกือบทั้ง 100% ของผลผลิตทั้งหมดที่เหลือจากการขายในประเทศ ซึ่งในปีนี้มียอดขายในประเทศประมาณ 70 ล้านบาทจากโครงการ Energy Complex ที่เหลือส่งขายต่างประเทศ
ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ายิ่งดีต่อรายได้ของบริษัทที่ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก โดยหากเป็นลูกค้ายุโรปก็จะพยายามขายเป็นสกุลเงินยูโร ถึงแม้ว่าบาทอ่อนจะกระทบกับค่าใช้จ่ายการสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศที่เป็นสกุลดอลลาร์ ก็จะชดเชยกันไปได้
*AKR คาดงบรวมปี 51 กำไรราว 100 ลบ.จากรายได้ 2.9-3.0 พันลบ.
นายเกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ AKR ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 1,900-2,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนรายได้รวมทั้งกลุ่ม (รวมเอกรัฐโซล่าร์) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2,900-3,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,700-1,800 ล้านบาท ส่วนในด้านกำไรคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/51 ผลประกอบการของ AKR มีกำไรแน่นอน แต่เอกรัฐโซล่ายังไม่มีกำไร เพราะลงทุนเครื่องจักรและโรงงานค่อนข้างสูง และมีภาระต้องหักค่าเสื่อมราคา
อนึ่ง AKR และบริษัทย่อย ไตรมาส 1/51 ขาดทุนสุทธิ 11.92 ล้านบาท
"งบรวมปีนี้คิดว่ามีกำไร เพราะถ้าเผื่อแยกตัวบริษัทจะเห็นว่า AKR มีกำไรประมาณ 100 กว่าล้านบาท เกือบ 200 ล้านบาทต่อปี แต่พอเอกรัฐโซล่าร์ขาดทุนประมาณ 80 ล้านบาท ก็จะเหลือประมาณ 100 ล้านบาท "นายเกียรติพงศ์ กล่าว
โดยปี 50 มีกำไรเท่ากับ 47.77 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไร 137.58 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ