นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอกรัฐวิศวกรรม(AKR)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" โดยปฏิเสธกระแสข่าวจับ บริษัท เอกรัฐโซล่าร์ ควบรวมกิจการ บมจ.โซลาร์ตรอน(SOLAR)และไม่เคยคิดเข้าไปเทคโอเวอร์ ขณะที่ดีลเจรจาพันธมิตรเข้าถือหุ้นกิจการโซล่าร์เซลล์ยังตกลงเงื่อนไขไม่ลงตัว แต่ตั้งเป้าจบให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ยืนยันไม่ถอยให้พันธมิตรเข้าถือหุ้นใหญ่แน่ ย้ำแผนส่งเข้าตลาดหุ้นกลางปี 52 หรืออย่างช้าไตรมาส 3/52
"ข่าวรวมกับโซลาตรอน ผมยังงงๆ อยู่ที่ข่าวออกไปแบบนั้น บอกว่าผมจะไปเทคฯ ผมก็ยังงงๆ แต่ผมพูดในหลักการทั่วๆไปถ้าจะไปเทคฯผมไม่มีเงินเทคฯหรอก เพียงแต่ผมจะเพิ่มทุนในเรื่องการทำธุรกิจของผมให้มีความมั่นคงมากขึ้น ยืนยันไม่มีแผนควบรวมและไม่ได้คุยกันเลย"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการเจรจากับพันธมิตรต่างชาติให้กับเอกรัฐโซล่าร์นั้น นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า มีการเจรจากับผู้สนใจหลายราย และบริษัทต้องการให้การเจรจาจบโดยเร็ว แต่ผู้ที่สนใจแต่ละรายมีเงื่อนไขที่ไม่ลงตัว เช่น บางรายต้องการเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ โดยขอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% ซึ่งบริษัทคงไม่สามารถตกลงได้ เพราะ AKR ยังยืนยันที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
"ผมก็บอกว่าทำไมต้อง 51% คณะกรรมการบริษัทคงจะไม่ยอม อย่างนี้ก็คงไม่ได้เพราะว่าเราก็ทำกันมานานแล้ว พอจะเข้ามาก็ขอ 51% เลย ซึ่งเราก็คงจะยอมไม่ได้ก็ต้องคุยกันด้วยวิธีอื่น ส่วนจะเสร็จเมื่อไรดีลยังไม่จบก็ยังไม่สามารถสรุปได้ คุยกันหลายแห่งไม่เฉพาะสิงคโปร์"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในเอกรัฐโซล่าร์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็น International Business รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมาสูงมากทำให้แนวโน้มของพลังงานทดแทนเป็นที่จับตาของคนทั่วโลก โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องก็สนใจที่จะมาร่วมลงทุนด้วยถึงแม้ไม่ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Stategic Partner)เพราะมีอนาคตที่ดี
ทั้งนี้ AKR มีแผนให้เอกรัฐโซลาร์เพิ่มทุน 500 ล้านหุ้น โดย AKR จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น และจะขายหุ้นให้กับพันธมิตร 300 ล้านหุ้น โดยปัจจุบัน AKR ถือหุ้นในเอกรัฐโซล่าร์ 99.99% จากนั้นจะขายหุ้น IPO เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงราวกลางปีหน้าหรืออย่างช้าไตรมาส 3/52 เพราะต้องรอผลประกอบการไตรมาส 1/52 โดยจะมีมาร์เก็ตแคปเกิน 1,000 ล้านบาท
*เอกรัฐโซล่าร์ปีนี้ขาดทุนราว 80 ลบ.คาดเริ่มมีกำไรปีหน้าตามอัตรากำลังผลิตเพิ่ม
นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ในปีนี้ AKR จะรับรู้รายได้จากเอกรัฐโซล่าร์มากในช่วงไตรมาส 3-4/51 จากที่เริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 1/51 และเริ่มรับออร์เดอร์เต็มที่ในช่วงไตรมาส 2/51 เมื่อถึงไตรมาส 3/51 ก็จะเริ่มผลิตได้มากขึ้น จากนั้นไตรมาส 4/51 จนถึงปีหน้าก็จะเข้าระบบปกติและผลิตได้เต็มที่กำลัง จากในปีนี้น่าจะผลิตได้ประมาณ 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เนื่องจากปีนี้ยังมีปัญหาด้านวัตถุดิบไม่เพียงพอ
"ยอดขายไตรมาส 3-4 จะต้องมากกว่าไตรมาส 1-2 ที่เริ่มผลิต รับออเดอร์ ไตรมาส 2 ก็เริ่มทำเพิ่มขึ้นและได้งานมากขึ้น และไตรมาส 3 วัตถุดิบสำหรับการผลิตมาพอดีก็เริ่มทำในไตรมาส 3 และกว่าจะส่งของหนักก็ไตรมาส 3-4"นายเกียรติพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้เอกรัฐโซล่าร์น่าจะทำยอดขายไม่เกิน 1,000 ล้านบาท อยู่ในช่วงราว 800-1,000 ล้านบาท โดยยอดขายจะเข้ามามากในไตรมาส 3-4/51 ไตรมาสละ 300-400 ล้านบาท จาก 100 กว่าล้านบาทในไตรมาส 2/51 และจะเพิ่มขึ้นมากในปีหน้าตามกำลังผลิตที่ตั้งเป้าไว้ 80-100% ซึ่งคาดว่าปัญหาวัตถุดิบน่าจะดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปีนี้เอกรัฐโซล่าร์คงจะยังไม่มีกำไรแน่นอน โดยคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 80 ล้านบาท เนื่องจากผลิตได้ไม่เกิน 30% ของกำลังการผลิต ทำให้ไม่เพียงพอที่จะนำมาหักค่าเสื่อมราคาตามบัญชีปีละประมาณ 80 กว่าล้านบาท ไตรมาสละ 20 ล้านบาท และยังต้องหักค่าใช้จ่ายด้านอื่นด้วย แต่จะเริ่มมีกำไรเมื่อผลิตได้เกิน 60% ในปีหน้า และอีกประมาณ 7-10 ปี ก็จะถึงจุดคุ้มทุน
นายเกียรติพงศ์ เชื่อว่า แนวโน้มธุรกิจโซล่าร์เซลล์จะไปได้ดีในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพงที่ทำให้ธุรกิจอื่นมีปัญหา แต่กลับกลายเป็นผลดีต่อธุรกิจโซล่าร์เซลล์ ประกอบกับบริษัทตั้งเป้าธุรกิจถูกทาง โดยเน้นการส่งออกเกือบทั้ง 100% ของผลผลิตทั้งหมดที่เหลือจากการขายในประเทศ ซึ่งในปีนี้มียอดขายในประเทศประมาณ 70 ล้านบาทจากโครงการ Energy Complex ที่เหลือส่งขายต่างประเทศ
ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ายิ่งดีต่อรายได้ของบริษัทที่ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก โดยหากเป็นลูกค้ายุโรปก็จะพยายามขายเป็นสกุลเงินยูโร ถึงแม้ว่าบาทอ่อนจะกระทบกับค่าใช้จ่ายการสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศที่เป็นสกุลดอลลาร์ ก็จะชดเชยกันไปได้
*AKR คาดงบรวมปี 51 กำไรราว 100 ลบ.จากรายได้ 2.9-3.0 พันลบ.
นายเกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ AKR ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 1,900-2,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนรายได้รวมทั้งกลุ่ม (รวมเอกรัฐโซล่าร์) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2,900-3,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,700-1,800 ล้านบาท ส่วนในด้านกำไรคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/51 ผลประกอบการของ AKR มีกำไรแน่นอน แต่เอกรัฐโซล่ายังไม่มีกำไร เพราะลงทุนเครื่องจักรและโรงงานค่อนข้างสูง และมีภาระต้องหักค่าเสื่อมราคา
อนึ่ง AKR และบริษัทย่อย ไตรมาส 1/51 ขาดทุนสุทธิ 11.92 ล้านบาท
"งบรวมปีนี้คิดว่ามีกำไร เพราะถ้าเผื่อแยกตัวบริษัทจะเห็นว่า AKR มีกำไรประมาณ 100 กว่าล้านบาท เกือบ 200 ล้านบาทต่อปี แต่พอเอกรัฐโซล่าร์ขาดทุนประมาณ 80 ล้านบาท ก็จะเหลือประมาณ 100 ล้านบาท "นายเกียรติพงศ์ กล่าว
โดยปี 50 มีกำไรเท่ากับ 47.77 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไร 137.58 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--