ทรู อินเตอร์เน็ต เกตเวย์ คาดเพิ่มส่วนแบ่งตลาดปีหน้าเป็น 30-35% จาก 22%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 19, 2008 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บริษัท ทรู อินเตอร์เน็ต เกตเวย์ จำกัดในเครือทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)ซึ่งถือหุ้น 99.99% คาดปี 52 จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 30-35% จากปีนี้ที่อยู่ 22% และในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะแซงหน้ารายใหญ่อย่างกสท.ได้จากเพิ่มแบนด์วิธเป็น 5.1 กิกกะไบท์(Gbps) จาก 2.56 กิกกะไบท์ ทำให้รองรับการใช้งานของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(ISP)เพิ่มมากขึ้น 
และคาดปีนี้จะทำรายได้ 1 พันล้านบาทหลังเปิดดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 2 จากปีก่อนมีจำนวน 400 ล้านบาท โดยคาดปีนี้จะเพิ่มจำนวนลูกค้า ISP อีก 4-5 รายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 20 รายในปี 52 จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า ISP ประมาณ 10 รายจากทั้งหมดที่มี ISP
ที่จดทะเบียนกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)50-60 รายจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทในปี 51 อยู่ประมาณ 22% และเพิ่มเป็น 30-35% ในปี 52 ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก บมจ.กสท.โทรคมนาคม (CAT)ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายแรก
"หลังจากที่ทรูฯได้รับใบอนุญาตต่อตรงไปยังต่างประเทศเมื่อ ก.พ.50 ธุรกิจอินเตอร์เน็ตเกตเวย์ของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ในปัจจุบัน และในอนาคตเชื่อว่าส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้ประกอบการรายแรกอย่าง CAT ส่วนแบ่งตลาดจะลดลง เชื่อว่า ทรู อินเตอร์เน็ตเกตเวย์จะสร้างรายได้เติบโตปีละ 2 เท่าในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า"นายอโณทัย รัตนกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเตอร์เน็ต เกตเวย์ กล่าว
ฉะนั้น ในปีนี้ บริษัทมีการเพิ่มศักยภาพโดยการเชื่อมต่อชุมสายให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อรองรับการใช้งานที่เติบโต โดยล่าสุดได้ขยายชุมสายไปยังลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยจะเริ่มให้บริการ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งส่งผลให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ต้องการเชื่อมต่อตรงไปยังยุโรปมีความรวดเร็วและเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ในเดือน ส.ค.นี้จะตั้งชุมสายที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นอีกประเทศที่มีการเชื่อมต่อบรอดแบรนด์เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของลูกค้าไอเอสพีเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน อัตราการใช้งานของการเชื่อมต่อข้อมูล จะแบ่งเป็นโซนอเมริกา 50% ยุโรป 20% และเอเชีย 30% ซึ่งทางบริษัทมองว่า การเชื่อมต่อข้อมูลไปยังประเทศสหรัฐจะลดน้อยลง และการเติบโตจะมาอยู่ที่เอเชียและยุโรปแทนตามปัจจัยเศรษฐกิจ ประกอบกับปีนี้ ในจีนมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะยิ่งทำให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีการใช้งานมากขึ้น
ขณะที่ ราคาการเชื่อมต่อ แบนด์วิธ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมาอยู่ที่ 10,000-15,000 บาท/เมกะบิต/เดือน จากเดิมที่อยู่ 25,000 - 60,000 บาท/เมกะบิต/เดือน ทำให้ตลาดเติบโตสูง เพราะผู้ให้บริการ ISP สามารถคิดราคาอินเตอร์เน็ตได้ถูกลง หรือมีการพัฒนาบริการที่เป็นประโยชน์และหลากหลาย ซึ่งจะส่งผลดี ต่อผู้ให้บริการเกตเวย์ที่ทำหน้าที่เหมือน Holdsale จะทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตในปีนี้เติบโตเป็น 2 เท่าต้วและรายได้ก็เติบโต 2 เท่าตัวด้วยเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ