ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจการเงินของสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าซิตี้กรุ๊ปอาจลดจำนวนพนักงานแผนกวาณิชธกิจทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีวิตกกังวลก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 0.33 จุด ปิดที่ 11,842.36 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 0.07 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,318.00 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 20.35 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 2,385.74 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.09 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.93 พันล้านหุ้น
เดนิส อมาโต นักวิเคราะห์จากบริษัทแองโครา แอดไวเซอร์สกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนักเมื่อราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์ แตะที่ 136.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดผิดหวังที่ซาอุดิอาระเบียเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพียง 200,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
"การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทพลังงาน แต่ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง ในระยะนี้ตลาดยังไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเข้ามาเป็นปัจจัยชี้นำ นักลงทุนจึงหันไปจับตาดูราคาน้ำมันและการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 มิ.ย. ซึ่งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม และคาดว่าแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดจะมุ่งเน้นเรื่องความกังวลด้านเงินเฟ้อมากกว่าประเด็นอื่นๆ" อมาโตกล่าว
ทั้งนี้ อมาโตกล่าวว่า "เฟดกำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้าน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นก็ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยในระยะนี้ก็จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจทันที แต่หากเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะยิ่งทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง"
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจการเงินของสหรัฐ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาในแง่ของสินทรัพย์ วางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานแผนกวาณิชธนกิจราว 10% ของจำนวนพนักงานแผนกวาณิชธนกิจทั่วโลกที่มีอยู่ราว 65,000 คน
ข่าวการวางแผนลดจำนวนพนักงานครั้งล่าสุดของซิตี้กรุ๊ป มีขึ้นหลังจาก แกรี คริทเทนเดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ของซิตี้กรุ๊ป เตือนว่า ซิตี้กรุ๊ปอาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงอีกในไตรมาส 2 เนื่องจากขาดทุนในตลาดซับไพรม์
หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 3.9% ส่วนหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.8% หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่าโกลด์แมน แซคส์ กำลังพิจารณาลดจำนวนพนักงาน หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 4.5% หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ร่วงลง 5.6%
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันฉุดหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 15% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ร่วงลง 12% แต่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นฮาลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--