ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือมิ.ย.ที่ต่ำเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและผลประกอบการของบริษัทเอกชนมากกว่าที่มีการประเมินไว้ในเบื้องต้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์รูดลง 34.93 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 11,807.43 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลง 3.71 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 1,314.29 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 17.46 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 2,368.28 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.34 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.19 พันล้านหุ้น
จิม เฮอร์ริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแบรด แอนด์ โค กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงเมื่อสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ร่วงลงแตะระดับ 50.4 จุด ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 56.5 จุด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี"
"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ทรุดตัวลงอย่างหนักจุดปะทุให้เกิดความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐิจสหรัฐ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายชะลอตัวลงอีกเมื่อบริษัทยูพีเอสระบุว่า ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นกำลังฉุดรั้งผลกำไรของบริษัท และราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้น 26 เซนต์ แตะระดับ 137.00 ดอลลาร์/บาร์เรล ยิ่งสร้างแรกดดันให้กับตลาด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในยามที่ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นนั้น จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะ stagflation เร็วขึ้น" เฮอร์ริคกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจาก ดัชนี S&P/Case-Shiller ที่บ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐเดือนเม.ย.ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2543
แดน อัลเพิร์ท นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจเวสต์วูด แคปิตอล กล่าวว่า "สายตาทุกคู่จับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 25 มิ.ย.ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 2% อีกทั้งจับตาดูแถลงการณ์ภายหลังการประชุมที่จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดมีท่าทีอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในขณะนี้"
แม้ดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเมอร์ริล ลินช์ พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นยูบีเอส เอจี ทะยานขึ้น 6.9%
ส่วนหุ้นโครเกอร์พุ่งขึ้น 7% หุ้นโกดัก ดีดตัวขึ้น 13.7% แต่หุ้นยูพีเอสร่วงลง 6% หลังจากบริษัทระบุว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นกำลังฉุดรั้งผลกำไรของบริษัท
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--