แหล่งข่าวระดับสูงของบมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) หรือ TSTH ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในงวดปี 51/52 จะเติบโตใกล้เคียงงวดปี 50/51 ที่เติบโตถึงกว่า 50% และกำไรเติบโตกว่า 100%เนื่องจากรับผลจากปริมาณและราคาขายเหล็กเส้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา(เม.ย.50-มี.ค.51)บริษัทฯมียอดขายอยู่ที่ 31,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.1% จากงวดปีก่อน(เม.ย.49-มี.ค.50)ที่มียอดขายอยู่ที่ 20,470 ล้านบาท ส่วนกำไรในปีที่ผ่านมา(เม.ย.50-มี.ค.51)อยู่ที่ 2,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% จากงวดปีก่อน(เม.ย.49-มี.ค.50)ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,337 ล้านบาท
แหล่งข่าว คาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯในไตรมาส 1 งวดปี 51/52(รอบเม.ย.-มิ.ย.51)จะยังคงมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 4 งวดปี 50/51(ม.ค.-มี.ค.51) จากปริมาณการจำหน่ายและการปรับราคาขายเหล็กเพิ่มขึ้นด้วย โดยบริษัทฯกำหนประชุมคณะกรรมการและการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณางบการเงินงวดไตรมาส 1 ปี 51/52
"เดิมที่ราคาเหล็กขายอยู่ที่ 15 บาทต่อกิโล จากนั้นบริษัทฯก็ได้มีการปรับราคาขายขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง จนมาอยู่แถว ๆ 30 กว่าบาทต่อกิโล ซึ่งราคาขายเหล็กในประเทศคงจะให้เกินระดับ 35 บาทต่อกิโล ไม่ได้ เพราะทางกระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาอยู่ และราคาขายเหล็กในประเทศขณะนี้ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาเหล็กในตลาดโลกที่อยู่ประมาณ 41 บาทต่อกิโล บริษัทฯเชื่อแน่ว่าจะไม่เป็นบริษัทฯแรกที่ปรับขึ้นราคาเหล็ก แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ปรับราคาขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังปีนี้ก็ตาม"แหล่งข่าวระดับสูง TSTH กล่าว
อนึ่ง Q4 งวดปี 51/52 มียอดขาย 1.01 หมื่นล้านบาท กำไร 1.49 พันล้านบาท
แหล่งข่าวระดับสูง TSTH กล่าวต่อว่า แผนระยะยาวของ TSTH คือการหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านวัตถุดิบ เช่นการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำเหมือง Coking Coal ที่จะใช้สำหรับ Mini Blast Furnace รวมถึงกลุ่มทาทาสตีลทั่วโลกมีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตเป็นประมาณ 50 ล้านตัน/ปีให้ได้ในปี 2558 จากปี 2548 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านตัน/ปี โดยปัจจุบัน TSTH มีกำลังการผลิตประมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี และปีนี้ตั้งเป้ากำลังการผลิตไว้ประมาณ 1.4 ล้านตัน/ปี
"ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตเฉลี่ยประมาณ 1.2 แสนตันต่อเดือน ซึ่งบางเดือนก็มีมากกว่า เพราะต้องขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เข้ามาด้วย แต่ไม่ว่าจะผลิตเหล็กออกมาเท่าไร บริษัทฯก็ขายหมดทุกครั้ง เพราะความต้องการเหล็กยังมีอยู่มากในปัจจุบัน"แหล่งข่าวระดับสูง TSTH กล่าว
บริษัทประมาณการความต้องการเหล็กในตลาดโลกคาดว่าจะเติบโตขึ้น 6.1% มาอยู่ที่ 1,250 ล้านตัน โดยความต้องการใช้เหล็กจากจีนจะเติบโตประมาณ 10%, อินเดียจะเติบโตประมาณ 9% และแถบยุโรปมองว่าจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากความต้องการใช้เหล็กที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นี้ จะส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งปี 2551
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.05 น.ราคาหุ้น TSTH อยู่ที่ 3.06 บาท ปรับตัวขึ้น 0.02 บาท (+0.66%)มูลค่าซื้อขาย 47.98 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.04 บาท และราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.06 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.02 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--