ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ พร้อมกับออกแถลงการณ์ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลาง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 4.40 จุด หรือ 0.04% แตะระดับ 11,811.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.68 จุด หรือ 0.58% แตะระดับ 1,321.97 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 32.98 จุด หรือ 1.39% แตะระดับ 2,401.26 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.40 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.17 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% ซึ่งเป็นการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ซึ่งนักลงทุนพอใจกับแถลงการณ์ของเฟดที่ระบุว่า "เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังคงขยายตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงแข็งแกร่ง"
แต่ในแถลงการณ์ครั้งล่าสุด เฟดยังคงแสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยเฟดระบุว่า "อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปานกลางในปีนี้และปีหน้า ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย"
"ส่วนตลาดแรงงานยังคงซบเซาลงและตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงอย่างมาก ทั้งนี้ เฟดคาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจะเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า" แถลงการเฟดระบุ
ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากบริษัทฮาร์ทฟอร์ดกล่าวว่า "นักลงทุนพอใจกับแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดที่ว่าภาคครัวมีการขยายตัว แต่การที่เฟดแสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้"
"เฟดมาถึงจุดพลิกผันที่ยากแก่การตัดสินใจ ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ตลาดแรงงานที่ทรุดตัวลง ตลาดที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำลง ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับเฟดด้วย หากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อก็จะยิ่งตอกย้ำเศรษฐกิจให้ย่ำแย่ลง แต่หากเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ย ตัวเลขเงินเฟ้อก็จะยิ่งลุกลามมากขึ้น" ครอสบีกล่าว
หุ้นโบอิ้งร่วงลง 6.9% ปิดที่ะดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังจากโกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้ลูกค้าขายหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นผลมาจากยอดสั่งซื้อที่ลดลงและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่นส์ ร่วงลง 8.1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--