นายสมเกียรติ วงศาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ริช เอเชีย สตีล (RICH) คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งขอออกใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้ภายในเดือนก.ค.นี้ หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ได้มีมติอนุมัติแล้วและตามกระบวนการคาดว่าจะสามารถเข้าเทรดได้ในช่วงเดือนต.ค. 51
RICH มีแผนออกวอร์แรนต์จำนวน 5 พันล้านหน่วย โดยให้ฟรีผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วย กำหนดราคาการใช้สิทธิที่ 0.40 บาทต่อหุ้น เพื่อนำเม็ดเงินที่จะได้ราว 2 พันล้านบาทไปใช้ในการชำระเงินกู้ระยะสั้นที่มีอยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท แต่คงจะเป็นทยอยชำระ และที่เหลือจะนำไปเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคตตามแผนที่วางไว้
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ถือหุ้นได้มีการสอบถามถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงและยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับราคาใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นขึ้นอยู่กับบรรยากาศของตลาด แต่พื้นฐานของบริษัทเองยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และในปีนี้อยากให้ความเชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ดีของบริษัท จากแนวโน้มราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถพลิกมาเป็นกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน 92 ล้านบาท โดยได้รับผลดีจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นและทิศทางยังสูงต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และในไตรมาส 2/51 เชื่อว่าจะเห็นกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 ที่มีกำไร 60 กว่าล้านบาท รวมทั้งจากแนวโน้มความต้องการเหล็กในประเทศยังมีอยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ปีนี้ก็น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท
และจากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้มองว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 7-8% จากระดับ 4%ในปีก่อน
"เราเชื่อว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ส้มหล่นของธุรกิจเหล็ก และจะเป็นอย่างนี้อย่างน้อย 2 ปี จากราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจหลักของเราก็มีอัตราการเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยเฉพาะเหล็กรูปพรรณ และเหล็กโครงสร้าง" นายสมเกียรติ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทได้รับวงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินต่างประเทศ 4-5 ราย เพื่อใช้ขยายธุรกิจในส่วนของโครงการจัดหาเศษเหล็ก ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันถึงการเติบโตและสถานภาพของบริษัทได้
ด้านน.ส.อังคกาญจน์ ตันติวิรุฬห์ ประธานกรรมการบริหาร RICH กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้มีความสนใจที่จะเข้าไปเก็บหุ้นเพิ่มจากปัจจุบันที่ถืออยู่ 4-5% เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มของธุรกิจก็ยังมีทิศทางที่ดี แต่ก็ต้องขอรอจังหวะเหมาะสม
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--