นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO) กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทปรับเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 20% ขณะที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.25 พันล้านบาท และรายได้รวมน่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 32% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.85 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ มาจากการบริหารต้นทุนและลดการสูญเสียจากการผลิต และราคาตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
แนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เชื่อว่ารายได้และกำไรจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/51 ที่มีรายได้ 5.76 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 585 ล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมถั่วเหลืองยังมีความต้องการสูงทั้งในแง่ของกากถั่วเหลืองและน้ำมัน ประกอบกับมีการใช้น้ำมันถั่วเหลืองในการผลิตเป็นเชื้อเพลิงส่งผลให้ราคายังอยูในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
จากปัญหาราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด บริษัทต้องนำเข้าถั่วเหลืองอีก 6 หมื่นตัน ราคา 600 เหรียญ/ตัน สูงขึ้นจากเดิมที่อยู่ในระดับ 540 เหรียญ/ตัน ทำให้บริษัทจำเป็นต้องยื่นขอปรับขึ้นราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองต่อกระทรวงพาณิชย์อีก 8.50 บาท/ขวด ซึ่งหากไม่อนุมัติบริษัทก็จะหันไปส่งออกแทน เนื่องจากราคาขายต่างประเทศสูงกว่าขายในประเทศ 5-6 บาท/ลิตร โดยตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และ ฟิลลิปินส์
สำหรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 พันตัน/วัน จากเดิมที่ 4 พันตัน/วันที่จะผลิตได้ในปี 53 จะใช้เงินลงทุน 2.2 พันล้านบาท โดยจะมาจากการเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น ในช่วงต้นเดือนก.ค.บริษัทจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)คาดว่ากระบวนการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จใน 2-3 เดือนหลังจากนั้น
นอกจากนี้บริษัทได้ให้สิทธิวอร์แรนท์แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและผู้จองหุ้น PO ในอัตรา 5 หุ้นต่อ 1 วอร์แรนท์ ราคาการใช้สิทธิ 8.90 บาท/หุ้น
การออกหุ้นเพิ่มทุน PO มีบล.เอเซีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หลังยื่นไฟลิ่งก็คาดว่าจะทราบราคาจองซื้อหุ้นใน 2-3 เดือน ทั้งนี้ การกำหนดราคาขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือราคาหุ้นในตลาด ณ ช่วงเวลานั้น ภาวะตลาดหุ้นโดยรวม รวมถึงราคา book build อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่บริษัทจะให้จองหุ้น PO ที่ราคา 22.20 บาท ยังไม่เป็นความจริง
"เราจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต ปัจจุบันกำลังการผลิตใช้ไป 80% และปี 52 ก็จะเต็มกำลังการผลิตจึงจำเป็นต้องมีโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต...และเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นใหม่ที่จะได้รับวอร์แรนท์เพราะราคาใช้สิทธิ 8.90 บาทถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเมื่อเทียบกับราคาในกระดานขณะนี้ที่อยู่ในระดับ 24 บาท/หุ้น"นายเศรษฐสรร กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งใหม่นี้แล้ว บริษัทจะพิจารณาการลงทุนในส่วนของการกลั่นบริสุทธ์ แต่เชื่อว่าจะไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากการขายกากถั่วเหลือง 53% น้ำมันถั่วเหลือง 29% และผลประกอบการจากโรงงานในจีน 15% โดยสินค้าน้ำมันถั่วเหลืองมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 76% ยังเป็นผู้นำตลาด ขณะที่กากถั่วเหลืองมีมาร์เก็ตแชร์ 28% และปีนี้บริษัทพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(Gross margin)อยู่ในระดับ 14-17% จากเฉลี่ยทั้งปี 50 อยู่ที่ 14%
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--