รายใหญ่ปรับพอร์ตตั้งรับเกณฑ์ Turnover List ยอมรับดีต่อภาพรวม แต่เสีย mood

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 30, 2008 11:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นักลงทุนรายใหญ่ตั้งรับเกณฑ์ Turnover List เริ่ม 1 ก.ค.นี้แม้ปรับพอร์ตล่วงหน้ากันไปแล้ว มองกระทบบรรยากาศการลงทุนที่กำลังซบเซา อาจชะงักเข้าเทรดรอดูสถานการณ์ บางรายหันสนใจตลาดหุ้นเวียดนามแทนหลังราคาร่วงไปลงไปสะท้อนปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศไปแล้ว
นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กำหนดให้การซื้อหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Turnover List ของสำนักงานก.ล.ต. และมีลักษณะเพิ่มเติมตามที่ตลท.กำหนด ต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับโบรกเกอร์เต็มจำนวน ในรูปของบัญชี Cash Balance ก่อน ในการซื้อหลักทรัพย์นั้น ๆ
*"ฉาย บุนนาค"มองกฎเกณฑ์เยอะอาจทำรายย่อยหนีช่วงตลาดหุ้นผันผวน
นายฉาย บุนนาค นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปัจจุบันก็มีพอร์ตมาร์จินอยู่ ซึ่งเกณฑ์ Turnover List ที่จะเอาเข้ามาใช้ในต้น ก.ค. ยังไม่ได้ศึกษาว่าจะมีผลกระทบมากหรือน้อยเพียงใด ก็เชื่อว่าคงมีประโยชน์กับภาพรวม แต่โดยส่วนตัวช่วงนี้ตลาดฯไม่ค่อยดี จึงหันไปเล่นหุ้นที่มีสภาพคล่อง อย่างหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปมากขึ้น
"ผมคิดว่าเกณฑ์ที่ออกมนี้ ถ้าตลาดฯเห็นว่าดี ก็น่าจะดี แล้วถ้ามีประโยชน์ต่อโดยรวมก็ทำไป...แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะผันผวน ผมก็ยังไม่ได้หนีหายไป แต่ถ้าตลาดฯมีเกณฑ์อะไรมากมาย ผมเบื่อ ผมก็อาจจะหยุดเล่น สมมติถ้ารายย่อยไม่เทรดหุ้น ตลาดฯจะมีวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันไม่ถึงหมื่นล้าน แค่นี้ก็แย่อยู่แล้ว"
"พอร์ตของผมก็มีการปรับนิดหน่อย เพราะคงไม่มีใครอยากจะไปเล่นบัญชี Cash Balance ผมถามอย่างหนึ่ง เรื่องอะไรผมจะเอาเงินไปฝากโบรกเกอร์ ในเมื่อเงินผมอยู่ในบัญชีที่แบงก์ ผมว่ามันตลกมากกว่า ถ้าสมมติหุ้นที่ผมเข้าเกณฑ์ Turnover List ผมก็ต้องปรับพอร์ต แต่ผมคิดว่าหุ้นที่ผมเล่นไม่ได้เข้าเกณฑ์ ณ ปัจจุบันยังไม่เห็น"
"ตอนนี้ผมมีหุ้นตัวใหญ่ เช่นหุ้น PTTAR, KBANK ส่วนหุ้น SSE มันเป็นหุ้นลงทุนของผม ก็ไม่ต้องเข้าระบบ Cash Balance ซึ่งถ้าเกิดหุ้นตัวใดตัวหนึ่งที่ผมถืออยู่แล้วได้มีการเก็งกำไรกันขึ้นมา แล้วมันจะติด ผมก็คงไปทำอะไรมันไม่ได้ ผมก็ต้องเห็นถึงความโชคร้ายที่ต้องเข้าเกณฑ์ ช่วงนี้ตลาดฯก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะออกเกณฑ์มามากมาย ทำให้ mood ตลาดฯมันเสียไปอีกทำไม"
"ตอนแรกผมจะไปลงทุนเวียดนาม แต่พอดีช่วงนี้เศรษฐกิจเขาก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน ผมมีพอร์ตอยู่ที่เวียดนามเหมือนกัน เพียงแต่ช่วงนี้เวียดนามห้ามเอาเงินออก คือ ถ้าผมซื้อหุ้นที่เวียดนาม ผมก็จะเอาเงินออกไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม ผมก็รอ timing ก่อน แต่มองว่าเขาแก้ปัญหาได้เร็วกว่าเรา แต่ผมซื้อหุ้นไทยดีกว่า ผมคุ้นเคยกว่า"นายฉาย กล่าวทิ้งท้าย
*"เสี่ยปู่"ปรับพอร์ตเน้นซื้อขายเงินสด หันสนใจตลาดหุ้นเวียดนาม
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ "เสี่ยปู่" นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปัจจุบันไม่ค่อยได้ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ติด Turnover List และเล่นหุ้นด้วยมาร์จินบ้างแต่ก็น้อย เพราะพยายามซื้อขายด้วยเงินสด ซึ่งก็คงจะต้องลดพอร์ตลงไปในส่วนของที่เล่นมาร์จินลง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเล่นหุ้นถือยาว หุ้นพื้นฐานก็อย่าง AEONTS, CPALL ก็ไม่ค่อยจะเคลื่อนไหวอะไรมาก และดูจังหวะมากกว่าในการเล่น อาจต้องมีการปรับพอร์ตมากขึ้น ขณะภาวะตลาดฯไม่ดีเลย มองปัญหาเงินเฟ้อด้วย แต่ก็เป็นโอกาสของคนที่พอร์ตว่าง หุ้นราคาตรงนี้มันต่ำมาก
"ช่วงนี้ผมมองไปที่เวียดนามมากกว่า ผมว่าเวียดนามมีโอกาสมากกว่าเยอะ ราคาหุ้นได้ลงมาสะท้อนเรื่องเงินเฟ้อของเวียดนามเยอะแล้ว ผมก็เลยไปลงทุนที่เวียดนามแทน ถ้าตลาดดีก็อยากจะลงทุนเยอะ ๆ ตอนนี้ยังลงทุนน้อยอยู่ ความจริงผมก็ยังไม่ค่อยได้เข้าไปลงทุนนะ เพราะหุ้นของเวียดนามยังลงไม่ถึงจุดที่ผมอยากจะซื้อ"
"แต่ผมมองว่าเป็นโอกาสเยอะมาก เพราะแม้ตลาดหุ้นไทยจะลงมาเยอะ แต่โอกาสขึ้นยังไม่มากเท่ากับเวียดนาม ถ้าเทียบกับไทยก็ต้องดูในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเลย เวียดนามก็น่าจะเป็นอย่างนั้นในจังหวะที่มันขึ้น แต่ตอนนี้มันยังแย่อยู่ ผมว่าตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนไม่ดีเท่ากับตลาดเวียดนาม เพราะมีปัจจัยเรื่องการเมืองที่กังวล ซึ่งเป็นปัจจัยที่คาดคะเนไม่ได้ด้วย ผมก็เลยหันไปลงทุนทางเวียดนามก่อน"นายสมพงษ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ