นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) กล่าวว่า ในช่วงเดือนต.ค.51 หรือในช่วงเดือนม.ค.52 บริษัทอาจจะมีการพิืจารณาปรับขึ้นค่าโฆษณาละครหลังข่าวจากปัจจุบันอยู่ที่ 450,000 บาทต่อนาที
"ปัจจุัึบันราคาค่าโฆษณาละครหลังข่าวของเราเท่ากับช่อง 7 แต่เมื่อสำรวจความต้องการใช้สื่อโฆษณาผ่านทีวียังพบว่ามีความต้องการสูงและยังมีช่องว่างให้ขึ้นค่าโฆษณาได้อีกเพื่้อกระตุ้นอุตสาหกรรมการโฆษณาผ่านสื่อทีวีแต่ในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วง low season จึงจะพิจารณาอีกทีว่าจะปรับในช่วงเดือนต.ค.อย่า่งที่เคยปรับหรือเดือน ม.ค.52 เพื่อความเหมาะสม" นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับแนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/51 ยังดีต่อเนื่องและดีกว่าไตรมาส 1 เนื่องจากเป็น high season และเป็นการโฆษณาผ่านสื่อทีวียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในเดือนเม.ย.-พ.ค.โตถึง 8.5% ซึ่งเดือนมิื.ย.ก็คงอยู่ีในระดับที่ดีใกล้เคีัยงกันและทั้งปีก็ยืนยันว่ารายได้จะเติืบโตเิกินตัวเลข 2 หลักแน่นอน
ด้านสัญญาสัมปทานที่อยู่ภายใต้บมจ. อสมท (MCOT)ที่จะมีการแก้ไขนั้น นายฉัตรชัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ และไม่เคยได้รับหนังสือเชิญเพื่อไปเจรจาแต่อย่างใด โดยปี 51 BEC จะต้องจ่ายค่าสัญญาสัมปทาน 143 ล้านบา่ท และเิพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 52 จะจ่าย 150 ล้านบาท ทั้งนี้อายุสัญญาสัมปทานจะครบอายุในปี 2563
"ผมก็ได้ยินข่าวว่าช่อง 9 จะขอเจรจาสัญญาสัมปทานที่ถูกมองว่าค่าสัมปทานต่อปีัต่ำเมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจแต่ที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับการติดต่อหรือหนังสือเชิญจากช่อง 9 เลย แต่หากจะมีการปรับขึ้นจริงก็ต้องคำีนึงการลงทุนของช่อง 3 ในการขยายเครือข่ายเมื่อเริ่มต้นที่ใช้ไปกว่า 2,000 ล้านบาท" ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน BEC ระบุ
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในปัจจุบัน เริ่มมีแนวโน้มคนดูทีวีปรับตัวลดลงจากปี 50 โดยปัจจุบันอยู่ที่ 25% จากปี 50 อยู่ที่ 26-27% จากการสำรวจพบว่าพฤติกรรมคนดูละครหลังข่าวปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปมีสื่ออื่นๆที่หลากหลายมากขึ้่น เช่น อินเตอร์เน็ต ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาผ่านสื่อทีวีจากเดิมใช้เงินเท่ากันได้กลุ่มเป้าหมายในวงกว้างแต่ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายลดลงทำใ้ห้ผู้ผลิตสินค้าต้องใช้เงินมากขึ้นในการโฆษณา แต่ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่้อสื่อโฆษ๋ณาผ่่านทีวีแต่อย่างใด
สำหรับหุ้นของ BEC ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นรายย่อยเพียง 2,000 คน จากเดิมที่เข้าตลาดมีจำนวนผู้่ถือหุ้นรายย่อยมีอยู่ประมาณ 8,000 คนและเป็นรายย่อยเพียง 3% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด ทำให้บริษัทต้องการให้มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากขึ้น เพื่อให้เืกิดการซื้อขายหุ้นต่อวันมากขึ้น ซึ่งสถาพปัจจุบันก็ถืิอว่าเป็นที่น่าพอใจมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 3-4 ล้านหุ้นต่อวัน ก็ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หุ้น BEC ถูกมองว่าแพงเกิน PE สูงกว่า 20 เท่าทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากรายย่อยเท่าที่ควร
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จำเนียร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--