ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันดิบขยับลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายยังคงซบเซาเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 3.50 จุด หรือ 0.03% แตะระดับ 11,350.01 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.62 จุด หรือ 0.13% แตะระดับ 1,280.00 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 22.65 จุด หรือ 0.98% แตระดับ 2,292.98 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.61 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.10 พันล้านหุ้น
คริสโตเฟอร์ จอห์นสัน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทจอห์นสัน รีเสิร์ช กรุ๊ป ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ขยับลง 21 เซนต์ แตะที่ระดับ 140.00 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในช่วงเช้าตลาดร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 142.65 ดอลลาร์ในระหว่างวัน
"นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นนั้น นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถูกกดดันจากเงินเฟ้อแล้ว ยังบั่นทอนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ นอกจากนี้ ข่าวว่าวาณิชธนกิจและธนาคารพาณิชย์สหรัฐอาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีและระดมทุนเพิ่ม ยิ่งตอกย้ำให้ภาวะการซื้อขายซบเซาลงไปอีก" จอห์นสันกล่าว
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า วิกฤตการณ์สินเชื่อในสหรัฐจะยังไม่สิ้นสุดลงในเร็วๆนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลงหลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้นแตะระดับ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ร่วงลงเนื่องจากเศรษฐกิจซบเซาลงและราคาน้ำมันที่แพงขึ้น
นอกจากนี้ มีรายงานว่าวาณิชธนกิจเมอร์ริล ลินช์อาจต้องเพิ่มทุนในไตรมาส 3 และอาจขายหุ้น 20% ที่ถืออยู่ในบลูมเบิร์กมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการปี 2551 และ 2552 ของมอร์แกน สแตนเลย์จะปรับตัวลดลงด้วย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดี (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำมิ.ย.จะร่วงลงอีก 60,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติต่อกัน 6 เดือน และคาดว่าภาคการผลิตของสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างหนัก
ลินเซย์ ปิเกซา นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจจากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า "สภาวะในตลาดแรงงานขณะนี้กำลังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีถึงจุดวิกฤต เมื่อการจ้างงานลดลง ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ จะลดลงด้วย"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--