เครือซีพีมองปัญหาเศรษฐกิจในเวียดนามแม้จะส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจบางด้าน แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาสทางธุรกิจไปทั้งหมด โดยเครือซีพีได้ตัดสินชะลอการลงทุนในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีก ซึ่งตามแผนกำหนดเงินลงทุนไว้กว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่ยังเดินหน้าลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีงบลงทุนราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหารกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารเขตประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า โครงการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการขยายสาขาห้างโลตัส 6 สาขาในเวียดนามปีนี้คงต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเป็น 10 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากการเก็งกำไรที่ดิน
ส่วนการลงทุนในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ล่าสุดบริษัทได้มีาการหารือกับผู้ว่านครโฮจิมินถึงการสร้างเมืองใหม่ที่เมืองถู๋เทียง จากเดิมที่มีแผนเข้าไปลงทุนยังเมืองไซง่อน เนื่องจากราคาที่ดินในกู๋เทียงถูกกว่า แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกโครงการลงทุนในไซง่อน
"รัฐบาลเวียดนามคงต้องใช้เวลาในการอพยพผู้คนเพื่อสร้างเมืองใหม่ในเมืองถู๋เทียงเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนอย่างน้อย 5 ปี แต่เราคงไม่รอถึง 5 ปีืแต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะลงทุนได้เมื่อไร"นายสุขสันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 52 รัฐบาลเวียดนามได้เปิดเสรีธุรกิจค้่้าปลีก ดังนั้น เครือซีพีมีแผนขยายสาขาโลตัสอีก 6 สาขาและขยายซีพีเฟรชมาร์ทอีกปีละ 200 สาขา จากปัจจุบันที่มี 20 สาขา โดยเห็นว่ากำลังซื้อของประชาชนชาวเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงประชากรสู.ถึง 85 ล้านคน และ 57% ยังอยู่ในวัยทำงานอายุเฉลี่ย 25 ปี รวมทั้งใน10 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีประชากรสูงถึง 100 ล้านคน
สำหรับธุรกิจเกษตรในเวียดนามปีนี้ บริษัทยังคงลงทุนต่อเนื่อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ การลงทุนในโรงงานผลิตอาหารสัตว์บก ที่คาดว่าจะ้ดำเนินการเชิงพาณิชย์กลางปี 52 กำลังการผลิต 5-6 แสนตัน ส่วนโรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ ไซโลอบข้าวโพด โรงเพาะเลี้ยงลูกกุ้ง คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปลายปี 51
"ปี 51 รายได้จะเพิ่มเป็น 2.6 หมื่นล้านบาท หรือโต 25% จากปีก่อน แม้ว่าต้นทุนอาหารสัตว์จะปรับเพิ่มขึ้นและ 5 เดือนแรกรายได้ทั้งเครือในเวียดนามโตถึง 35% เราอาศัยการเพิ่มวอลุ่มเพื่อสร้างรายได้ที่เติบโตแต่มาร์จิ้นไม่เพิ่มมากนัก "
นายสุขสันต์ กล่าวว่า ในปีนี้การลงทุนของบริษัทจะต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจในเวียดนาม แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเวียดนามจะแก้ปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศได้ด้วยดี โดยทั้งปีคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 17-18% แม้ว่าเงินเฟ้อเดือนพ.ค.สูงถึง 25% แ่ต่ 5 เดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 19% และมีการปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเหลือ 7% จากเดิม 8% รวมทั้งได้ลดค่าเงินดองประมาณ 2% ลดการขาดดุลการค้าเพื่อลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ
ขณะที่บริษัทเองก็จะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้คล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทเร่งขยายการส่งออกกุ้งแปรรูปเพิ่มเป็น 3.5 พันตัน จากปีก่อน 2 พันตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 5 พันตันในปี 52 หรือคิดเป็น 10% ของรายได้รวม โดยจะเพิ่มการส่งออกปลาและหมูปลอดสาร
"ธุรกิจเกษตรไม่น่าเป็นห่วงเพราะรัฐบาลเวียดนามให้ปรับราคาตามต้นทุนที่แท้จริง แต่ผมกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว" นายสุขสันต์ กล่าว
อนึ่ง เครือซีพีลงทุนในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 36 หรือประมาณ 15 ปี โดยเน้นำธุรกิจอาหารสัตว์ครบวงจรรวมทั้งการผลิตอาหารแปรรูป ซึ่งลงทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--