ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขผลประกอบการของบริษัทเอกชน แม้ว่าทางการสหรัฐจะรายงานว่าภาคการผลิตประจำเดือนมิ.ย.ขยายตัวแข็งแกร่งก็ตาม
ผลสำรวจของสถาบันจัดการอุปทาน(ISM) บ่งชี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตในเดือนมิ.ย.ขยายตัวแตะระดับ 50.2 จุด ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา และเป็นระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์คาดว่าจะอยู่ที่ 48.7 จุด โดยดัชนีภาคการผลิตที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัว ขณะที่ตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงข้อมูลการผลิตที่ชะลอตัวลง
อัตราการขยายตัวของดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดได้ช่วยหนุนให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดกระเตื้องขึ้น 0.3% อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวไม่มีผลต่อตลาดหุ้นในเอเชีย เนื่องจากภาพรวมบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเหล่านี้ยังถูกปกคลุมด้วยกระแสความระมัดระวัง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐและการประชุมเพื่อกำหนดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในคืนนี้ก่อนที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาด
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลง 1% แตะที่ระดับ 13,331.98 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงอ่อนตัวลง 1.6% แตะที่ 21,754.52 จุด ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทรุดตัวลง 2.2% แตะที่ 1,629.97 จุด
"จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการที่เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียพร้อมใจดิ่งร่วงลงในเช้าวันนี้" โคนิกา ฮั่ง นักวิเคราะห์จาก Delta Asia Securities กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--