ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงลงไปกว่า 10 จุด จากความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมากในเดือนมิ.ย.51 โดยสูงขึ้นถึง 8.9% ถือเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ทำให้มีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่จะประชุมในเดือนนี้ ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อหยุดยั้งเงินเฟ้อ ทำให้เกิดแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์
เมื่อเวลา 14.35 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 757.86 จุด ลดลง 10.73 จุด (-1.40%)
นายคมสันต์ ปรมาภูติ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ร่วงลงมากว่า 10 จุด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในแถบยุโรปที่เริ่มเปิดตลาดเทรดกันแล้ว นำโดยตลาดเยอรมันขณะนี้ก็ปรับตัวลงมาอยู่ในแดนลบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากเรื่องของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในงวดเดือนมิ.ย.ที่ 8.9% มากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์จะต้องทำการทบทวนตัวเลขเงินเฟ้อกันใหม่
บ่ายนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ถูกเทขายออกมามาก เนื่องจากแบงก์มีแนวโน้มที่จะชะลอการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2551)ลดลง เนื่องจากวิตกว่าตัวเลข NPL จะสูงขึ้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอตัว
ส่วนหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ก็รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่สูง
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 755 จุด แนวต้าน 762 จุด
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--