(เพิ่มเติม) D1 ใกล้เซ็นซื้อเหมืองอินโดฯราว 20 ล้านดอลล์/ส่งซิกเพิ่มทุนขยายธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 2, 2008 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ดราก้อน วัน (D1) เจรจาเข้าซื้อเหมืองถ่านหินในเกาะกาลิมันตันฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเหมืองดังกล่าวมีปริมาณถ่านหินสำรองอยู่ 60 ล้านตัน ประเมินคร่าวๆ สร้างรายได้สูงสุดถึง 3 แสนล้านบาท ระบุขณะนี้ใกล้บรรลุข้อตกลงก่อนเซ็นเอ็มโอยูในเร็ว ๆ นี้ คาดเปิดเหมืองได้ปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 52
พร้อมแย้มยังมีอีก 4-5 โครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่จะเปิดตัว เผยในเดือนหน้าจะเปิดโครงการใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ ระบุเงินทุนจะมาจากการเพิ่มทุนเพื่อนำไปลงทุนโครงการต่างๆ
"เรากำลังจะเซ็นเอ็มโอยู ตอนนี้เจรจาอยู่ เราได้เข้าไปซื้อเหมืองเป็นเจ้าของ 100% มี reserve อยู่ 60 ล้านตัน ทำรายได้ให้เราได้ 3 แสนล้านบาท เราต้องใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะมาจากที่เราลงทุนในบริษัทใหม่ 40 ล้านบาทและที่เหลือกู้จากแบงก์ในอินโดฯ" นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D1 กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ การลงทุนเข้าซื้อเหมืองถ่านหินเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชา ที่บริษัทได้สัญญาสัมปทาน 25 ปี ซึ่งต้องใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงประมาณ 35-40 ล้านตันตลอดอายุสัมปทาน ส่วนที่เหลือจะนำออกส่งออกขายในประเทศต่างๆ
โดยขณะนี้การก่อสร้างโรงไฟฟ้าอยู่ในขั้นตอนออกแบบ และคาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 54-55 หลังจากจะเปิดดำเนินการ และมีรายได้ในปี 55
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 51 จนถึงขณะนี้ บริษัทศึกษาการลงทุนใน 3 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในกรุงไพลินในกัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ มูลค่าโครงการราว 12,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาศึกษา 1 ปี,โครงการโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อน(ถ่านหิน)ขนาด 350 เมกะวัตต์ในกัมพูชา มูลค่าโครงการ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านบริษัท ดราก้อน เพาเวอร์ จำกัด โดยเข้าทำสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) เพื่อร่วมดำเนินการศึกษาโครงการนี้
และ ล่าสุด เข้าเจรจาซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย โดยลงทุนผ่านบริษัท ดราก้อน ไมนิ่ง จำกัด ที่ D1 ถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท
*ช่วงที่เหลือปีนี้ลงทุนอีก 4-5 โครงการ
นายจเรรัฐ กล่าวว่า บริษัทยังมีโครงการลงทุนอีก 4-5 โครงการภายในปีนี้ ใช้เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นจะเป็นโครงการขยายธุรกิจไอที ทั้งการจัดตั้งบริษัทใหม่ หรือ เข้าซื้อหรือเทคโอเวอร์กิจการ
"เดือนหน้าเราจะมีแถลงข่าวโครงการใหญ่ เป็นธุรกิจใหม่ ก็จะนำทุนจาการเพิ่มทุน ก็คิดว่าน่าจะพอ เหลือเฟือ เราไม่กู้ไม่ยืม ไม่ต้องการติดหนี้ใคร" นายจเรรัฐ กล่าว
"นโยบายของเราลงทุนไปเรื่อยๆ เติบโตไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าไว้ว่าใน 5 ปี(ตั้งแต่ปี 50) มูลค่าตลาดของบริษัทจะเติบโตเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบัน 200-300 ล้านบาท จากเดิมที่เคยขึ้นไปถึง 1 พันกว่าล้านบาท เพราะราคาหุ้นปรับลดลง"
นายจเรรัฐ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ทิ้งธุรกิจไอที แม้ว่าวันนี้ได้แจ้งขายหุ้นในบริษัทบริษัท ไชโย โปรดักชั่นส์ จำกัด (Chaiyo)ที่ถืออยู่ 17.06% และบริษัท วันเน็ต จำกัด (Onenet)ที่ถืออยู่ 14.52% เพราะมองเห็นว่าธุรกิจไอทียยังมีโอกาสเติบโตได้อีก แต่ถ้าบริษัทใดที่มีโอกาสขายหุ้นได้ก็ขาย แต่ก็ยังมีแผนจะขยายธุรกิจไอทีทั้งขยายเอง หรืออาจซื้อหรือควบรวมกิจการ
"เราไม่ได้เลิกลงทุน เรายังลงทุนไอทีอยู่ ไอทีก็ยังเติบโตต่อเนื่องอยู่ แต่โฮลดิ้งคัมปะนี มีธุรกิจหลากหลายได้ เราไม่ได้ขายทิ้ง แค่ธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้นมา เดือนหน้าก็อาจจะมีธุรกิจใหม่ที่เติบโตอีก เราก็เติบโตต่อเนื่อง"นายจเรรัฐ กล่าว
*เน้นเพิ่มทุนระดมเงินลงทุนธุรกิจใหม่
นายจเรรัฐ กล่าวว่า บริษัทมีแนวทางที่จะเพิ่มทุนเพื่อระดมเงินลงทุนมาใช้รองรับโครงการใหม่ๆ บริษัทไม่ได้เพิ่มทุนเพื่อมาใช้หนี้ เพราะบริษัทไม่มีหนี้สิน แต่เพราะบริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ จำเป็นต้องหาธุรกิจหลากหลายเข้ามาบริหาร
"การเพิ่มทุนของเราไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แน่นอนเราจะเพิ่มทุนไปใช้ในโครงการใหม่ๆ แต่เราก็ต้องดูเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่า D1 ต้องเติบโต แต่จะเพิ่มทุนก็ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของตลาด ความเหมาะสมของ Project...นโยบายเพิ่มทุนก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอยู่แล้ว มีโครงการใหม่มาเราก็เพิ่มทุนที เพราะ D1 ไม่ได้เพิ่มทุนไปใช้หนี้ เพราะเราไม่มีหนี้" นายจเรรัฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายจเรรัฐ ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับว่าจะเพิ่มทุนในปีนี้อีกหรือไม่ เพียงระบุว่า ถ้าจังหวะดีก็จะเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนโครงการใหม่
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 999 ล้านบาท จาก 130 ล้านบาทเมื่อเข้าตลาดผ่านบมจ.ไดอาน่า ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ (DIANA)และเปลี่ยนชื่อเป็น D1 ในช่วงกลางปี 49 โดยล่าสุดได้เพิ่มทุนจำนวน 463 ล้านหุ้น เมื่อเม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายจเรรัฐ กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นรายอื่นได้กำไรจากการซื้อขายหุ้นในตลาด โดยปัจจุบัน นายจเรรัฐถือหุ้น D1 อยู่ 18% ขณะที่วันที่ปิดสมุดทะเบียนเมื่อ 24 มี.ค.51 นายจเรรัฐ ถือหุ้น 16.84% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง และมี Free float สูงถึง74.33% จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 1,277 ราย
**คาดปีนี้พลิกมีกำไรได้/ไม่คิดย้ายเข้าSET
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D1 คาดว่าปี 51 บริษัทจะสามารถพลิกเป็นกำไรได้จาก ปีก่อนที่มีผลขาดทุน 138.03 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้ 500 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 430.77 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจไอที คือบริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด(A-Host)
พร้อมกล่าวยืนยันว่าไม่มีแผนหรือแนวคิดที่จะย้าย D1 จากตลาดหลักทรัพย์ mai เข้าตลาดหลักทรัพย์(SET) แม้ว่าทุนจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม เนื่องจากมองว่าสภาพคล่องการซื้อขายในตลาด mai ยังดีอยู่
"เราอยู่ mai ก็ happy ดีอยู่แล้ว พอลงมาแล้วไม่อยากขึ้นไปอีก ไม่คิดกลับไปอีกเลย เราก็มีความสุขดี มีหลายองค์ประกอบ เรื่องการดูแล เรื่องของระบบ และการซื้อขานสภาพคล่อง ทุกอย่างดีหมด" นายจเรรัฐ กล่าว
ราคาหุ้น D1 ปิดตลาดที่ 0.37 บาท ลดลง 0.01 บาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 0.39 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ