นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เชื่อว่าการที่นักลงทุนต่างชาติืยัีงเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยน่าจะเกิดจากกาีรที่ต่างชาติไม่แน่ใจในผลกระทบปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันที่ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นมาก ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศเริ่มคลายความวิตกกังวลไปมากแล้ว
"ตอนนี้ปัจจัยด้านการเมืองมีบ้างแต่น้อยลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ปัจจัยน่า่จะเกิดจากต่างประเทศมากกว่า ซึ่งภาวะตลาดจะมี cycle และมี sentiment ณ ขณะนั้่น โดยส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาเม็ดเงินดังกล่าวก็จะกลับมา"นางภัทรียา กล่าว
ปัจจัยต่างๆ ดังกล่า่วยังเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจะต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันย่อมทำให้เป็นสาเหตุให้ผู้ลงทุนต้องประเมินแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เพราะอัตราเงินเฟ้อจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจในด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะี่ที่ยอดขายก็จะลดลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้่ก็กระทบกับประเทศอื่น ๆ ด้วย ไม่เพียงแต่ประเทศไทย แ่ต่เชื่อว่าภาครัฐจะมีแนวทางการบริหารจัดการที่ดีและดูแลอัตราเงินเฟ้อให้เหมาะสมในภาวะที่ดูแลได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศอื่น
"ตอนนี้เราคงต้องเฝ้่้าดูการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นซึ่งถือเป็นหลักใหญ่ว่าจะปรับขึ้นไปแค่ไหนและย่อมจะส่งผลต่อเงินเฟ้อ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่างประเทศก็เป็นปัจจัยกดดันเช่นกันที่ทำให้ต่างชาติเทขายหุ้นในช่วงนี้"นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา เชื่อว่า ขณะนี้มีนัีกลงทุึนบางกลุ่มเห็นโอกาสในระดับราคาหุ้นที่อยู่ลดลงมาต่ำและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ก็จะกลับมาลงทุน โดย P/E ของตลาดหุ้นไทยล่าสุดวานนี้อยู่ที่ 12.85 เื่้ท่า Dividend Yield ที่ 3.87% ถือเป็นอัตราส่วนที่น่าสนใจของนักลงทุนระยะยาว
ส่วนเรื่องการขยายเวลาเทรดในระบบอินเตอร์เน็ตช่วงเวลา 19.00-21.00 น.เป็นเพียงข้อเสนอของคณะทำงานแก้ไขกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังต้องมีการหารือกับบริษัทสมาชิก หากตกลงกันได้ ตลท.ก็พร้อมจะสนับสนุน แต่จะต้องนำเรื่องดังกล่าวหารือกับคณะกรรมการ ตลท.อีกครั้ง
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--