นางสาวประภารัตน์ อังคะวัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวกับ “อินโฟเควสท์" ว่า คาดว่า ในไตรมาส 2/51 บริษัทยังคงมีรายได้และกำไรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/50 ที่มีรายได้ 3.16 พันล้านบาท และมีกำไร 234.7 ล้านบาท
ขณะที่ทั้งปี 51 ยังคงเป้าหมายกำไรเติบโต 20% และรายได้เติบโต 12-15% จากปี 50 ที่มีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.65 พันล้านบาท แม้ว่าจะเริ่มมีปัญหาภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประชาชนเริ่มประหยัดการใช้จ่ายบ้างแล้ว
“แม้ว่ากลุ่มธุรกิจอาหารเริ่มเห็นการชะลอตัวในการใช้จ่าย แต่เมื่อเทียบกับปีก่อนยังถือว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีกว่าปีก่อน รายได้และกำไรไตรมาส 2/51 ก็ดีกว่าปีก่อน แต่ถ้าเทียบไตรมาสต่อไตรมาสสู้กันไม่ได้ เพราะปกติช่วงไตรมาส 1 และ 4 เป็นช่วงไฮซีซั่น"นางสาวประภารัตน์ กล่าว
ส่วนธุรกิจท่องเที่ยวก็กลับมาดีอีกครั้งส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม ซึ่งโรงแรมในเครือคิดค่าบริการห้องพักเป็นเงินบาท จึงไม่ได้รับผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าหรือแข็งค่า
"เชื่อว่าแผนดำเนินธุรกิจที่วางไว้มาถูกทาง นอกจากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อจนไม่สามารถควบคุมได้ก็ต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและโรงแรม" นางสาวประภารัตน์ กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงแผนที่จะเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนในธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติมอีก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุป 1-2 แห่งภายในปีนี้ โดยดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาเป็นธุรกิจในประเทศ 2 แห่งและต่างประเทศอีก 1 แห่ง ซึ่งหากมีโอกาสทางธุรกิจที่ดีทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร บริษัทยังพร้อมลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทสรุปดีลเจรจาไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมในแทนซาเนียร์ แอฟริกาใต้, ไทยเอ็กซ์เพรส และ เดอะ คอฟฟี่ คลับ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--