นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU)กับธนาคารแห่ง สปป.ลาว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและสนับสนุนการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาว และหลังจากนั้นจะมีความร่วมมือกับระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ลาวและไทย เพื่อประกอบธุรกิจในลาว รวมถึงนำบริษัทร่วมทุนไทย-ลาวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยด้วย ซึ่งไทยจะมีการแก้ไขกฎเกณฑ์การจดทะเบียนในตลาดหุ้น 2 แห่งข้ามประเทศด้วย
ด้านนายพูเพ็ด คำพูนวง ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำงานของคณะทำงานเตรียมการทางนิติกรรมการต่างๆ ระเบียบกฎเกณฑ์ของการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ การจัดสัมนา เพื่อเตรียมด้านบุคคลากรและกิจการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่จะเปิดซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 10 ตุลาคม 2553
แต่ปลายปีนี้ จะมีการจัดตั้งกระดานซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาด(โอทีซี) ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะมีตลาดหลักทรัพย์ที่ซื้อขายผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์อย่างเป็นทางการ
"การซื้อขายในโอทีซี จะเริ่มต้นจาก 3 บริษัทก่อน ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจคือ ไฟฟ้า โทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์ และหลังจากมีตลาดหลักทรัพย์ก็อาจจะย้ายบริษัททั้ง 3 แห่งเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่จะไม่ยกเลิกโอทีซี จะพัฒนาควบคู่กันไป เพื่อรองรับกับกิจการที่ต้องการระดมทุนแต่ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้"นายพูเพ็ด กล่าว
สำหรับการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ลาว นายพูเพ้ด กล่าวว่า เป็นการทำงานร่วมกับเกาหลีในการพัฒนาระบบซื้อขาย โดยเกาหลีจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเข้ามาถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลาว 51% เพื่อจะได้พัฒนาตลาดหลักทรัพย์ลาวให้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพราะลาวจั้งตั้งตลาดหลักทรัพย์ล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ จึงต้องอาศัยระบบของประเทศที่พัฒนาไปมากแล้ว ขณะเดียวกันยังมีข้อตกลงในการนำกิจการของทั้ง 2 ประเทศจดทะเบียนข้ามตลาดกันระหว่าง เกาหลีกับลาว เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง
"เป้าหมายการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ทางเลือกในการระดมทุนและลงทุนด้วยต้นทุนต่ำ เพราะปัจจุบันการระดมทุนพึ่งพาระบบธนาคารพาณิชย์อย่างเดียวและเป็นเงินทุนระยะสั้น ดังนั้นจึงต้องการสร้างระบบการระดมทุนระยะยาวด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกันจะต้องศึกษาและวางกลไกป้องกันความเสี่ยงจากการเก็งกำไรให้น้อยที่สุด โดยดูจากประสบการณ์ของประเทศต่างๆที่เกิดขึ้น เช่นกรณีของเวียดนาม ที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำ ซึ่งมาจากความปั่นป่วนของการเก็งกำไรที่ต้องเอามาเป็นบทเรียน"นายพูเพ็ด กล่าว
นายพูเพ็ด กล่าวถึง การขยายตัวทางเศรษฐกิจของลาวว่า คาดว่าปีนี้จะชะลอเล็กน้อยจากปีก่อน โดยคาดว่าจะขยายตัว 7.9% จากปีก่อน 8% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น โดย 6 เดือนแรก 10% จากปีก่อน 4.5% ขณะที่ค่าเงินกีบแข็งค่าขึ้น 5-6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากปีที่แข็งขึ้น 5.7%
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งชาติลาวจะพยาบยามดูแลไม่ให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เพระาเชื่อว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้ แต่จพยายามควบคุมราคาสินค้าทั้งน้ำมัน อาหาร และวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันมาจากราคาน้ำมันและอาหารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกระทบไปทั่วโลก
--อินโฟเควสท์ โดย ตลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--