นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน 9( KTFIF6M9) กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงินต้น 50(KTCP50) และ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น 43 ( KT3M43)
กองทุน KTFIF6M9 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 1,600 ล้านบาท จะเปิดจำหน่ายในระหว่างวันที่ 8-14 กรกฎาคม มีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐ /รัฐวิสาหกิจต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทตราสารการเงินของสถาบันการเงินต่างประเทศ (Euro Commercial Paper:ECP)ของสถาบันการเงินชั้นนำที่มีอันดับความเชื่อถือระยะสั้น 2 อันดับแรกขึ้นไป
เบื้องต้นจะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินในเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป หรือเอเชียประเทศอื่นๆ ซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำกว่าสถาบันการเงินในสหรัฐฯ
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารสกุลดอลลาร์สหรัฐ(LIBOR)มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่า ประกอบกับปัญหาซับไพร์มเริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงทำให้ECP อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนในรูปสกุลเงินบาทที่น่าสนใจประมาณการอยู่ที่ 3.70- 4.20% ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน
นอกจากนี้ ยังเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุน KTCP50 อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุน KT3M43 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการกองทุนละ 2,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 9-15 กรกฎาคม เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ก่อให้เกิดการคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝาก ที่บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ผลตอบแทนของตราสารอายุ 3 เดือน โดยประมาณอยู่ที่ 3.20-3.30 % ต่อปี และ อายุ 6 เดือนอยู่ที่ 3.40 %ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ3 เดือนอยู่ที่ 2.375 % ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--