(เพิ่มเติม) UV เผยราคาสังกะสีโลกปรับลดกระทบเป้ารายได้ปี 51 ที่ตั้งไว้ 2.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 8, 2008 14:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บมจ.ยูนิเวนเจอร์(UV) กล่าวว่า รายได้ปีนี้น่าจะออกมาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากสัดส่วนรายได้หลักที่มาจากธุรกิจสังกะสี 80-90% อาจจะได้รับผลกระทบจากราคาสังกะสีโลกที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.8 พันเหรียญ/ตัน ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.4 พันเหรียญ/ตัน แ่ต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมียอดขายเฉลี่ยในระดับปกติเดือนละ 1 พันตัน 
อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของราคาสังกะสี ไม่ได้กระทบมาร์จิ้น เพราะบริษัทมีต้นทุนถูกลงด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังหันมาเน้นการส่งออกมากกว่าการจำหน่ายในประเทศ หลังจากการที่เงินบาทอ่อนค่า
ขณะที่สัดส่วนรายได้ที่มาจากอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนากับบมจ.ปริญสิริ (PRIN) 500 กว่าล้านบาท ส่วนโครงการของบริษัทเองส่วนใหญ่จะรับรู้ในปี 52 โดยในไตรมาส 4/51 จะเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมจากก่อนหน้านี้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากอสังหาฯ เป็น 80-90% ในปี 54
ในปีหน้า บริษัทจะทยอยลดสัดส่วนรายได้ที่มาจากสังกะสีลงมาอยู่ที่ 40-50% จาก 80-90% ในปีนี้ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาสังกะสี ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นมากนัก ไม่ว่าจะเป็นราคาเหล็ก หรือ สังกะสี หรือ ราคาน้ำมัน ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะบริษัทสามารถปรับราคาขายได้
"ในปีนี้การรับรู้ของเราคงจะมาจากธุรกิจหลัก แต่ในอนาคตเราจะพยายามเพิ่มสัดส่วนอสังหาฯ ให้มากขึ้นเป็น 80-90% โดยจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและคงจะเห็นชัดเจนได้ในปี 54" นางอรฤดี กล่าว
สำหรับการพัฒนาโครงการใหญ่โครงการแรกคือ"Wireless Square"ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและโรงแรมระดับห้าดาวนั้น UV คาดว่าจะรับรู้รายได้สำนักงานเต็มที่ในปี 54 ส่วนของโรงแรมจะรับรู้รายได้ในปี 55 โดยบริษัทจะใช้งบลงทุน 4,000 ล้านบาทในส่วนของอาคาร สำนักงาน มาจากรายได้จากค่าเช่าในกลุ่มทีซีซีฯ 1,357 ล้านบาท เงินกู้ 1,500 ล้านบาท กระแสเงินสด 1,000 ล้านบาท
นางอรฤดี กล่าวถึงแนวโน้มในครึ่งปีหลังว่า คงจะต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันและการเมือง ที่อยากให้จบลงโดยเร็วเพื่อให้การบริโภคกลับมาเหมือนเดิม
ขณะที่บริษัทยังมีข้อได้เปรียบจากที่ได้ร่วมมือกับ ทีซีซีฯ ซึ่งมีเสถียรภาพในเรื่องเม็ดเงิน ทำให้บริษัทมีโอกาสในการเลือกทำเลที่ดีได้ก่อน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ และที่ผ่านมาโครงการของบริษัท 1 โครงการก็เป็นการซื้อต่อจากผู้ประกอบการที่ไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อได้
ส่วนโครงการที่เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานนั้น นางอรฤดี กล่าวว่า ยังไม่เป็นตัวสร้างรายได้อย่างโดดเด่นให้กับบริษัทในช่วงปีนี้ถึงปีหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ